มิติหุ้น – Trend Spotter
• สรุปภาพรวมตลาด : ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก โดยดัชนี DJIA +0.5%, S&P500 +0.6% และ Nasdaq +0.8% รับแรงซื้อหุ้นผู้ผลิตชิป AI รายใหญ่อย่าง Nvidia (+2.8%) ที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องนับตั้งแต่วันจันทร์ (2 มิ.ย.) ส่งผลให้มูลค่าตลาดของบริษัทพุ่งขึ้นแตะ US$3.45ล้านล้าน และ หุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์อื่นๆ (Broadcom +3.3%, Micron Technology +4.2%)
ขณะเดียวกัน ตลาดยังคงจับตาความคืบหน้าการเจรจาการค้า หลังจีนได้ออกมากล่าวหาว่าสหรัฐละเมิดข้อตกลงทางการค้า ซึ่งสวนทางกับข้อกล่าวหาของปธน. ทรัมป์ที่กล่าวว่าจีนไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงชั่วคราว อย่างไรก็ตาม ติดตามการหารือด้านการค้าระหว่างปธน. ทรัมป์และปธน. สี จิ้นผิงของจีนที่ทางทำเนียบขาวเผยว่าอาจมีในสัปดาห์นี้ ขณะที่ด้าน EU ได้แสดงความคิดเห็นว่าแผนของทรัมป์ที่จะเพิ่มภาษีเหล็กจาก 25% เป็น 50% นั้นจะทำให้การเจรจาดำเนินไปได้ยากขึ้นและ EU ก็พร้อมที่จะใช้มาตรการตอบโต้เช่นกัน
ทั้งนี้ มีรายงานว่ารัฐบาลทรัมป์ต้องการให้ประเทศคู่ค้าเสนอเงื่อนไขทางการค้าภายในวันนี้ ก่อนที่มาตรการภาษีตอบโต้จะกลับมามีผลบังคับใช้อีกครั้งในวันที่ 8 ก.ค.
สำหรับราคาน้ำมันดิบ Brent +1.6% หลัง Geopolitics ระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และ สหรัฐ-อิหร่าน ที่ส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมัน กลับมาเป็นแรงกดดันอีกครั้ง ขณะที่ราคาทองคำ -0.6% เผชิญแรงกดดันจากดอลลาร์ที่แข็งค่า
สัปดาห์นี้ ตลาดยังคงรอจับตารายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ หลังความไม่แน่นอนสงครามการค้าสร้างความกังวลว่าจะสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจทั่วโลก โดยเมื่อวานนี้ตัวเลขตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JOLTS เดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 1.91 แสนตำแหน่ง มาที่ระดับ 7.39 ล้านตำแหน่ง สูงกว่าตลาดคาดที่ 7.11 ล้านตำแหน่ง
จากนี้ ติดตามตัวเลขการเปลี่ยนแปลงการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมจาก ADP-ดัชนี PMI ภาคบริการ (วันนี้) และ ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐ (6 มิ.ย.) นอกจากนี้ ติดตามการประชุม ECB พรุ่งนี้ (5 มิ.ย.) หลังข้อมูลเงินเฟ้อเดือนพ.ค. EU ขยายตัว 1.9% yoy ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 2.0% (vs. เดือนเม.ย. 2.2%)
• SET Index : เราคาดว่า SET Index สัปดาห์นี้ จะแกว่งผันผวนบริเวณ 1,130-1,165 จุด จากความไม่ชัดเจนด้านการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะจีนและยุโรป ซึ่งยังคงมีแรงกดดันจากมาตรการตอบโต้และการเจรจายังไม่เห็นความคืบหน้าเพิ่มเติม ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังคงต้องรอติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่เพิ่มเติม ทำให้แนวโน้มดัชนี SET ช่วงนี้จะเคลื่อนไหวตามประเด็นเฉพาะตัวเป็นหลัก
เราจึงคงคำแนะนำ Trading Buy หุ้นกลุ่ม Defensive, พื้นฐานแข็งแกร่ง และหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
สำหรับวันนี้ เราคาดว่า SET จะเคลื่อนไหวในแดนบวก ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐและ sentiment ระยะสั้น หลังพ.ร.บ. งบปี 2569 ผ่านสภาฯ อย่างไรก็ตาม เรามองว่า Upside ยังคงจำกัด เนื่องจากปัจจัยทั้งนอกและในประเทศยังมีความไม่ชัดเจนระยะยาวและยังขาดแรงกระตุ้น
วันนี้ ติดตามการประชุมครม. ที่จะมีการพิจารณางบประมาณ 1.5 แสนล้านบาทจากเดิมในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อแผนกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ โดยกระทรวงคมนาคมจะมีการเสนอกรอบวงเงิน 5 หมื่นล้านบาท และเสนอซ่อมสะพานไทย–ลาวแห่งที่ 5 รวมถึงมีรายงานว่าจะมีการพิจารณาวาระเสนอไทยเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขัน F1
• หุ้นแนะนำ
MINT : เราเชื่อว่าตลาดรับรู้ความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจที่ขยายตัวลดลงแล้ว อีกทั้ง MINT น่าจะได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐน้อยที่สุดในกลุ่มผู้ประกอบการโรงแรมไทยเนื่องจากบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากโรงแรมในประเทศน้อยที่สุด
(Take profit : 25.25 / Stop loss : 24.4)
KBANK : เราเชื่อว่า KBANK เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการขยายธุรกิจของ GULF ไปสู่ธุรกิจบริการทางการเงินและสินเชื่อดิจิทัล เรายังมองว่า KBANK และ AIS สามารถสร้างความร่วมมือในรูปแบบการร่วมทุน เพื่อให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัลที่รับประกันโดยข้อมูลการชำระเงินรายเดือน
(Take profit : 155.5 / Stop loss : 153.0)
#MacroWealthResearch
#CGSInternational
#CGSI
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon