มิติหุ้น – ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า Reuters รายงานเมื่อวันที่ 29 พ.ค.68 ว่า กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ (DOC) สั่งห้ามบริษัทในสหรัฐฯส่งออกสินค้าไปยังจีนโดยไม่มีใบอนุญาต รวมทั้งเพิกถอนใบอนุญาตที่เคยออกให้กับ supplier บางราย ซึ่งสินค้าที่ได้รับผลกระทบได้แก่ซอฟต์แวร์ออกแบบและเคมีภัณฑ์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์, อีเทนและบิวเทน
เมื่อวันที่ 29 พ.ค. 68 Enterprise Products Partner (EPD.US) ได้ยื่นแบบฟอร์ม 8-K ต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ว่า บริษัทยังไม่ได้รับใบอนุญาตที่จำเป็นตามที่สำนักอุตสาหกรรมและความปลอดภัย (BIS) กำหนดไว้ จึงอาจกระทบต่อการส่งออกอีเทนและบิวเทนในอนาคต ขณะที่ก่อนหน้านี้ ทางการจีนได้ยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้าอีเทน 125% ในสิ้นเดือนเม.ย.68 จึงมีวัตถุดิบอีเทนไหลกลับเข้าประเทศช่วงเดือนพ.ค.68 ทำให้ Ethane cracker ของจีนยังสามารถเปิดดำเนินงาน
ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า Ethane cracker ของจีนใช้วัตถุดิบอีเทนจากสหรัฐฯเพียงแหล่งเดียว จึงคาดว่าการที่สหรัฐฯระงับการส่งออกอีเทน จะส่งผลกระทบต่ออัตราการผลิตและอาจต้องหยุดการผลิตชั่วคราวจนกว่าสหรัฐฯจะกลับมาส่งออกอีเทนอีกครั้ง เชื่อว่า mixed feed cracker (1.2mtpa) แห่งใหม่ของจีนอาจไม่สามารถเปิดเชิงพาณิชย์ได้ตามกำหนดในไตรมาส 2/68 นี้
สำหรับผลกระทบต่อบริษัทปิโตรเคมของไทยนั้น ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ประเมินว่า หากไม่มีวัตถุดิบอีเทนจากสหรัฐฯ อุปทานอีเทนในตลาดจีนจะหายไปประมาณ 4.3mtpa ซึ่งจะทำให้โรงงานผลิต PE (polyethylene) และ MEG (mono ethylene glycol) ของจีนต้องจัดหา ethylene monomer จาก cracker อื่นนอกชายฝั่ง ประกอบด้วย cracker ในเอเชีย (ไม่รวมจีน) ที่ปัจจุบันมีอัตราการใช้กำลังการผลิตลดลง เช่น SCC, PTTGC, และ Chandra Asri
อย่างไรก็ตาม มองว่าการหยุดชะงักของอุปทานอีเทนในจีนอาจส่งผลดีแค่ช่วงสั้นๆ เนื่องจากข้อมูลของ Chemical Market Analytic ระบุว่า Naphtha cracker ใหม่สามโครงการในจีน ซึ่งมีกำลังการผลิตรวม 4mtpa จะเปิดดำเนินงานในไตรมาส 2-4/68 เพื่อทดแทนอุปทานที่ขาดไปในประเทศ
ขณะที่ Gas cracker ในสหรัฐฯของ IVL อาจมีต้นทุนอีเทนลดลงในระยะสั้น โดยข้อมูลจาก Energy Information Administration (EIA) แสดงให้เห็นว่าอีเทนส่งออกจากสหรัฐฯประมาณ 46% ในปี 67 ส่งออกไปยังตลาดจีน และหากไม่สามารถหาตลาดอื่นมาทดแทน จะทำให้ราคาก๊าซ Henry Hub และราคาอีเทนลดลง (มีการปล่อยอีเทนในก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น)
ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ยังแนะนำให้ลดน้ำหนักการลงทุน (Underweight) ในกลุ่มปิโตรเคมีของไทย เนื่องจากอุปทานเอทิลีนและ PE น่าจะยังล้นตลาดในปี 68-71 โดยปัจจัยลบที่จะฉุดราคาหุ้นคือความต้องการพลาสติกที่ต่ำกว่าคาด ส่วน upside risk จะมาจากต้นทุนวัตถุดิบที่ต่ำกว่าคาดและราคาสินค้าที่สูงกว่าคาด
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon