มิติหุ้น – ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 92 จุด (-0.2%) ท่ามกลางการซื้อขายที่เป็นไปอย่างผันผวนหลังจากสหรัฐฯรายงานตัวเลขเศรษฐกิจย่ำแย่ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 0.8% หลังสหรัฐฯรายงานสต็อกน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดการณ์
เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯรายงานการจ้างงานภาคเอกชนจากสถาบัน ADP ที่ 3.7 หมื่นรายแย่กว่าตลาดคาดการณ์อย่างมากที่ 1.1 แสนราย รายละเอียดภายในระบุว่าการจ้างงานลดลงในเกือบทุกขนาดธุรกิจ ที่เพิ่มขึ้นมีเพียงขนาดธุรกิจกลาง โดยอุตสาหกรรมที่มีการจ้างงานลดลงได้แก่การให้บริการทางธุรกิจและการแพทย์และเพิ่มขึ้นได้แก่อุตสาหกรรมท่องเที่ยว นอกจากนี้สหรัฐฯยังได้รายงานดัชนี PMI ภาคบริการที่ 49.9 แย่กว่า Bloomberg Consensus คาดหมายไว้ที่ 52 ซึ่งทั้งสองตัวเลขข้างต้นสะท้อนมุมมองเชิงลบต่อทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทำให้เมื่อคืนที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับลงอย่างมีนัยยะสำคัญ ประกอบกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ (Trump) ได้เรียกร้องให้ FED ลดดอกเบี้ย พร้อมยกตัวอย่างธนาคารกลางยุโรปก็ได้ลดดอกเบี้ยมาแล้ว 9 ครั้ง แม้จะมีความคาดหวังด้านดอกเบี้ยแต่ถึงกระนั้นตลาดหุ้นก็ดูจะมิได้ตอบรับเชิงบวกแต่อย่างใด อาจเป็นเพราะว่ากังวลกับทิศทางเศรษฐกิจ ด้านปัจจัยในประเทศเมื่อวานที่ผ่านมารัฐบาลได้เปิดเผยโครงการ Entertainment Complex ระบุว่าว่าแม้อายุสภาจะเหลือ 2 ปีแต่ก็เชื่อว่าเพียงพอจะขับเคลื่อนกฎหมายฉบับนี้ได้
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกฎหมายนี้เสนอโดยคณะรัฐมนตรีที่มีเสียงข้างมาก การมี Entertainment Complex จะเป็น Land Mark ใหม่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลก ทำให้ไทยจะไม่มี Low Season ด้านการท่องเที่ยวอีกต่อไป พร้อมยืนยันไม่ใช่แหล่งพนันออนไลน์เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าไปได้ ด้านเงินลงทุนนั้นจะไม่ใช้จากรัฐบาลแต่จะมาจากเอกชนทั้งสิ้น คาดว่าจะมีการลงทุนขั้นต่ำ 1 แสนล้านบาท Upside ต่อ GDP 0.2% และหากเปิดดำเนินการจะช่วย Upside 0.2 – 0.8% พร้อมกับจ้างงานราว 9,000 – 15,000 ตำแหน่ง พร้อมเน้นย้ำว่าใน Entertainment Complex มิได้มีแค่ Casino แต่จะเป็นศูนย์บันเทิงครบวงจรทั้งสวนสนุก สวนน้ำ พิพิธภัณฑ์ ศูนย์การค้า และโรงภาพยนตร์ คอนเสิร์ตระดับ World Class และเชื่อว่าผู้ประกอบการไทย / SME จะได้รับประโยชน์แน่นอน คืนนี้รอติดตามผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯ Bloomberg Consensus คาดการณ์ที่ 2.36 แสนราย วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1120 – 1140 ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนยังไม่แนะเพิ่มพอร์ตการลงทุนเพราะยังไร้ปัจจัยบวก และเผชิญกับปัจจัยกดดันจากเศรษฐกิจผ่านการส่งออก การท่องเที่ยว การบริโภค อย่างไรก็ตามนักลงทุนระยะสั้นอาจเลือก Trading ในหุ้นที่ผลกระทบจากปัจจัยทั้งหมดจำกัด อาทิ MINT โรงพยาบาล (BDMS) เนื้อสัตว์ (CPF) เครื่องดื่มที่มีปัจจัยเฉพาะ (OSP CBG)
OSP (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 19.00 บาท)
รายงานกำไรสุทธิ 1Q25 ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 1.27 พันล้านบาท (+53%YoY) หลังตัดรายการพิเศษจากการขายกิจการในเมียนมา 295 ล้านบาท จะมีกำไรปกติ 970 ล้านบาท (+17%YoY, +58%QoQ) ใกล้เคียงกับที่เราและ BB consensus คาด รับแรงหนุนจากยอดขายในตลาดต่างประเทศที่เติบโต 22% YoY พร้อมด้วยอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น 380 bps YoY ชดเชยยอดขายเครื่องดื่มในประเทศที่ปรับตัวลดลง 16% YoY เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐาน 19.00 บาท ไม่รวม upside จาก M&A ที่อาจจะเกิดขึ้น และมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่น่าสนใจระดับ 6%-7% บวกกับแนวโน้มส่วนแบ่งตลาดเริ่มปรับตัวดีขึ้น MoM ต่อเนื่อง
MINT (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 36.00 บาท)
รายงานกำไรปกติใน 1Q25 อยู่ที่ 50 ล้านบาท (-98% QoQ) ใกล้เคียงกับที่เราคาด แต่สูงกว่าที่ตลาดคาด 48% โดยพลิกกลับมากำไรจากที่ขาดทุนใน 1Q24 (ไตรมาสแรกถือเป็นช่วง Low season ตามปกติของยุโรป) ถึงแม้รายได้จากธุรกิจหลักจะอ่อนตัวอยู่ที่ 3.6 หมื่นล้านบาท (-3% YoY, -12% QoQ) แต่ด้วยความสามารถในการควบคุมค่าใช้จ่าย และชำระหนี้ที่ดีขึ้น SG&A-to-sales ที่ 36% (-1 ppts YoY)
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon