IVF หรือ บมจ. อินสไปร์ ไอวีเอฟ โดย “เกศิณี กุลดิลก” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเปิดเผยว่า ปี 68 ภายหลังผู้ถือหุ้นอนุมัติแผนวัตถุประสงค์การใช้เงิน IPO เพื่อขยายเงินลงทุนในธุรกิจ Non-Healthcare และ Healthcare(ตั้งงบโดยรวมไว้ราว 150ลบ.) จากสถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจไทยและโลกที่เปลี่ยนแปลงบริษัทจึงมุ่งเน้นกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจมากขึ้น โดยล่าสุดอยู่ระหว่างเจรจาดีล M&A ราว 3-4 ดีล โดยเน้นธุรกิจที่สร้างกำไรได้ทันทีส่วนสัดส่วนการถือหุ้นขั้นต่ำ 25% ซึ่งเบื้องต้นยังต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 3 เดือน
“ผลงานการรันตี ด้วยมาตรฐานระดับโลก”
นอกจากนี้ด้านธุรกิจหลักบริษัทได้รับคะแนนการประเมินสูงขึ้นถึง 97.6% จากการตรวจประเมินตามมาตรฐาน AACI ครั้งที่ 1 (Periodic Survey-1) ซึ่งครอบคลุม 3 มิติหลัก ได้แก่ 1. ความปลอดภัยในทุกขั้นตอนของกระบวนการรักษา 2. ความเชี่ยวชาญของบุคลากรทางการแพทย์ และ 3. การบริหารจัดการคุณภาพบริการอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของในการมอบการบริการทางการแพทย์ที่เป็นเลิศ มีผลลัพธ์การดูแลผู้ป่วยที่ดี และมีการยกระดับคุณภาพการให้บริการสู่มาตรฐานสากลอย่างต่อเนื่อง นั้นหากภาครัฐหันมาให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการมีบุตรอย่างจริงจังโดยการเพิ่มโอกาสความสำเร็จเป็น 70-80% การมีบุตรด้วยก็ควรส่งเสริมให้ทำ “เด็กหลอดแก้ว” จากรัฐส่งเสริมอยู่นั้นเพิ่มโอกาสมีบุตรได้เพียง 5-10%เท่านั้น
ลุยขยายสาขาเพิ่มปั๊มรายได้
อย่างไรก็ตามปี 68 บริษัทคาดหวังการเติบโตราว 20% ของรายได้จากปีก่อนที่มีรายได้ 108 ลบ. แต่อาจจะมีการทบทวนใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน โดยปีนี้บริษัทยังมีแผนขยายสาขาเพิ่มขึ้น พร้อมกับคาดหวังโครงสร้างรายได้ในอนาคตที่กระจายความเสี่ยงมากขึ้นจะช่วยให้การเติบโตของบริษัทในอนาคตอย่างมีเสถียรภาพได้
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon
