มิติหุ้น – ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ผลการวิเคราะห์ชี้ว่ากลุ่มค้าปลีกของไทยส่งสัญญาณถึงความตึงเครียดอย่างชัดเจนในเดือนเม.ย.-พ.ค.68 เนื่องจากผู้ค้าปลีกเกือบทุกกลุ่มมีอัตราการเติบโตของของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ลดลง โดยปัญหาการหยุดชะงักในระยะสั้นและปัจจัยลบเชิงโครงสร้างส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค อีกทั้งเหตุแผ่นดินไหวช่วงปลายเดือนมี.ค. ยังทำให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการศูนย์การค้าน้อยลงเป็นเวลาสองสัปดาห์
นอกจากนี้ สภาพอากาศที่กลับมาเป็นปกติ หลังปรากฏการณ์เอลนีโญทำให้ปีที่แล้วมีอากาศร้อนกว่าปกติยัง ส่งผลให้ยอดขายสินค้าตามฤดูกาล เช่น เครื่องปรับอากาศ, พัดลมและเครื่องดื่ม ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ขณะเดียวกันเชื่อว่าความกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีของสหรัฐและสถิตินักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ลดลง ส่งผลต่อความเชื่อมั่น ทำให้ครัวเรือนไทยระมัดระวังกับการใช้จ่ายมากขึ้น โดยเฉพาะการซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย
ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า แนวโน้มของ SSSG เผยให้เห็นถึงความแตกต่างที่มากขึ้นของร้านค้าปลีกแต่ละรูปแบบ ซึ่งสะท้อนว่าลำดับความสำคัญของผู้บริโภคเปลี่ยนไป มีการใช้จ่ายที่ระมัดระวังมากขึ้น โดยคาดว่าผู้ค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคจะยังเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบน้อยสุด เนื่องจากร้านลักษณะนี้มีความจำเป็นและมีความถี่ในการซื้อสูง แม้ว่ายอดขายเครื่องดื่มจะน้อยลงเพราะอากาศที่เย็นลง โดยประมาณการว่าผู้ค้าปลีกกลุ่มนี้น่าจะมี SSSG อยู่ระหว่าง -1.5% จนถึง +2.5% ในเดือนเม.ย.-พ.ค.68 หรือลดลงจาก 0% ถึง +3% ในไตรมาส 1/68
ส่วนร้านจำหน่ายสินค้า Home improvement มีผลการดำเนินงานแย่ลง เพราะแรงกดดันจากอุปสงค์ที่ชะลอตัวของวัสดุก่อสร้าง เพราะการก่อสร้างบ้านลดลง บวกกับฝนที่ตกเร็วกว่าปกติเป็นอุปสรรคต่อการก่อสร้างและยอดซื้อสินค้าเกี่ยวกับบ้านโดยรวมลดลง ขณะเดียวกันผู้ค้าปลีกสินค้าแฟชั่นมีผลการดำเนินงานอ่อนตัวลงเนื่องจากการบริโภคภายในประเทศและจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง โดยประมาณการว่ากลุ่มนี้จะมี SSSG ติดลบในอัตรา -3% ถึง -14% ในเดือนเม.ย.-พ.ค.68 เทียบกับ 0% ถึง -8% ในไตรมาส 1/68
ในทางกลับกันผู้ค้าปลีกที่จำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์ราคาถูก outperform กลุ่ม นำโดย MOSHI ที่มียอดขายเติบโตแข็งแกร่งผ่านทุกช่องทาง แม้จะปรับตัวเลขโดยไม่รวมผลดีจากฐานที่ต่ำในปีที่แล้ว
ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า แม้กลุ่มค้าปลีกปรับตัวลงแรงทำให้ซื้อขายอยู่ที่ P/E ล่วงหน้าต่ำสุดในรอบ 16 ปี แต่ฝ่ายวิเคราะห์ฯปรับลดคำแนะนำจากที่ให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุน (Overweight) เป็นให้คงน้ำหนักการลงทุน (Neutral) เพราะข้อมูลล่าสุดชี้ว่าการบริโภคฟื้นตัวช้ากว่าคาด เลือก BJC และ CPALL เป็นหุ้นแนะนำ เนื่องจากถือเป็นหุ้นปลอดภัย เพราะอยู่ในกลุ่มผู้ค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึง MOSHI ที่มี แนวโน้มเติบโตเชิงโครงสร้างในกลุ่มผู้จำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์
ขณะที่แนะนำให้หลีกเลี่ยงหุ้นในกลุ่ม Home improvement เพราะอุปสงค์ไม่ชัดเจนและยังมีปัจจัยลบที่กดดัน margin โดยมองว่ากลุ่มค้าปลีกจะมี upside risk หากการบริโภคฟื้นตัวเร็วกว่าคาดและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฟื้นตัวแข็งแกร่งกว่าคาด ส่วน downside risk จะมาจากการบริโภคที่ซบเซาต่อเนื่อง รวมทั้งการเลื่อนหรือการออกนโยบายสนับสนุนที่ไม่เพียงพอ
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon