มิติหุ้น – Trend Spotter
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก โดย DJIA (+0.24%), S&P500 (+0.38%) และ Nasdaq (+0.24%) ได้แรงหนุนจาก
1) ดัชนีเงินเฟ้อผู้ผลิตพื้นฐาน (Core PPI) อยู่ที่ 3.0% yoy ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 3.1% yoy ในขณะที่ PPI ทรงตัวที่ 2.6% ตามตลาดคาด ทำให้ตลาดคลายความกังวลเกี่ยวกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อตามหลังการรายการดัชนี CPI ที่น้อยกว่าตลาดคาด สนับสนุนมุมมองการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย FED อ้างอิง FedWatchTool ตลาดให้หนักการลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ย. ที่ 56.7%,
2) ตัวเลขการขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์มากกว่าตลาดคาดที่ 248k สูงกว่าตลาดคาดที่ 244k
3) หุ้น Oracle +13.3% จากผลประกอบการแข็งแกร่งหนุนดัชนี S&P500 จากอุปสงค์ AI แข็งแกร่ง
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด Donald Trump กล่าวว่าบุคลากรของสหรัฐฯ กำลังถูกเคลื่อนย้ายออกจากตะวันออกกลาง และไม่ยอมให้อิหร่านครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ ดังนั้นความเสี่ยงจากความรุนแรงตะวันออกกลางยังคงหนุนมุมมองโมเมนตัมราคาน้ำมันในระยะสั้น ซึ่งอาจทำให้เงินเฟ้อปรับตัวเพิ่มขึ้น ชดเชยความผ่อนคลายเงินเฟ้อในเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา
ในขณะเดียวกันสวนทางกับหุ้น Oracle เมื่อวานหุ้น Boeing (-4.8%) หลังจากเครื่องบินโบอิ้ง 787 Dreamliner ที่มีผู้โดยสารบนเครื่อง 242 คน เกิดประสบอุบัติเหตุ โดยรายงานล่าสุดระบุว่ามีผู้รอดชีวิต 1 รายจากเที่ยวบินนี้
สำหรับสัญญาทองคำ COMEX ปิดบวก (+1.76%) จากสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางหนุนสินทรัพย์ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม หลังจากอิหร่านขู่ว่าจะโจมตีฐานทัพสหรัฐฯ ในตะวันออกกลาง หากการเจรจาล้มเหลว
ตลาดจับตาการเจรจาโครงการนิวเคลียร์รอบที่ 6 ระหว่างอิหร่าน และสหรัฐฯ ในวันที่ 15 มิ.ย (อาทิตย์นี้) ในขณะที่ สัญญาน้ำมันดิบ (WTI) ปิดที่ US$68.04/bbl (-0.16%) มีแรงขายทำกำไรหลังจากปรับตัวขึ้น 4% เมื่อวานที่ผ่านมา
• SET Index : เราคาดว่า SET Index จะเคลื่อนไหว Sideway-Sideway down ในกรอบจำกัด บริเวณ 1,120-1,150 จุด แม้ว่าการเจรจาระหว่าง สหรัฐฯ-จีน จะบรรลุในเบื้องต้น และมีการ Sell on fact ไปบางส่วน (เมื่อวาน) แต่เราเชื่อว่าความไม่แน่นอนหลายประการในประเทศยังคงกดดันบรรยากาศการลงทุนในระยะสั้นจาก
1) Donald Trump กล่าวว่าไม่จำเป็นต้องขยายเส้นตายในวันที่ 8 ก.ค. ซึ่งเป็นวันครบกำหนด 90 วัน สำหรับภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) เราแนะนำจับตาความเคลื่อนไหวของ “ทีมไทยแลนด์” หลังจากที่ Donald Trump กล่าวว่าจะส่งจดหมายไปยังประเทศต่างๆ ภายใน 1.5-2 สัปดาห์ เกี่ยวกับข้อตกลงการเจรจา
2) การเมืองที่ยังคงไม่แน่นอน ได้แก่ ศาลฎีกาไต่สวน คดี อดีตนายก ทักษิณ กรณีการเข้ารับการรักษาตัวชั้น 14 รพ. ตำรวจ เป็นไปตามระเบียบกฎหมาย หรือ ไม่ (วันนี้)
ดังนั้น ท่ามกลางตลาดที่กำลังรอปัจจัยหนุนในระยะกลาง อาทิ 1) การเมืองในประเทศคลี่คลายหนุนความมั่นใจ fund flow ต่างชาติ 2) รัฐบาลกลับมาทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ เช่น Entertainment Complex, Digital Wallet 3) ความมั่นใจนักท่องเที่ยวจีน
• หุ้นแนะนำ
KBANK : เราเชื่อว่า KBANK เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับ GULF ที่จะก้าวเข้าสู่ธุรกิจบริการทางการเงินและธุรกิจสินเชื่อดิจิทัล นอกจากนี้ เรามองว่า KBANK และ AIS อาจร่วมมือกันในรูปแบบการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน (JV) เพื่อให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล และมี Dividend yield ที่น่าสนใจราว 5.8-7.4% สำหรับ FY25-27F
(Take profit : 153 / Stop loss : 150)
HANA : แม้ว่ากำไรมีแนวโน้มอ่อนตัวใน 2Q25 จาก Guidance ในกลุ่มยานยนต์ ชิปซิลิคอน จัดการพลังงานและธุรกิจในจีนจะยังอ่อนตัว แต่เราเชื่อว่า HANA มีสถานะเงินสดสุทธิจะช่วยลด downside risk
(Take profit : 19.0 / Stop loss : 17.2)
#MacroWealthResearch
#CGSInternational
#CGSI
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon