มิติหุ้น – Trend Spotter
• สรุปภาพรวมตลาด : ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงมาปิดลบอีกครั้ง (DJIA -0.7%, S&P500 -0.8%, Nasdaq -0.9%) หลัง
1) สถานการณ์ความขัดแย้งอิสราเอล-อิหร่านยืดเยื้อเข้าสู่วันที่ 5 ประกอบกับท่าทีแข็งกร้าวของปธน. ทรัมป์ที่โพสต์ขู่ผู้นำอิหร่านผ่าน Truth Social เรียกร้องให้ยอมจำนนโดยไม่มีเงื่อนไข พร้อมเรียกประชุมฉุกเฉินใน Situation Room และสั่งเพนตากอน (หน่วยงานสูงสุดด้านกลาโหมสหรัฐ) เสริมกำลังทหารในตะวันออกกลาง หลังก่อนหน้านี้ ทรัมป์ได้ออกจากที่ประชุม G7 ก่อนกำหนด พร้อมเตือนให้ทุกคนอพยพออกจากเตหะรานทันที และ
2) ข้อมูลดัชนียอดขายปลีกสหรัฐเดือนพ.ค. ที่บ่งชี้ถึงการชะลอใช้จ่ายของผู้บริโภค ท่ามกลางการประชุม Fed สัปดาห์นี้ (17-18 มิ.ย.) ที่ตลาดให้น้ำหนักว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ ส่งผลให้บอนด์ยีลด์สหรัฐร่วง จากความกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยตัวเลข Retail Sales หดตัว 0.9% mom แย่กว่าตลาดคาดที่ -0.5% (vs. เม.ย. -0.1%) และ Core Retail Sales หดตัว 0.3% mom แย่กว่าที่ตลาดคาดว่าจะขยายตัว 0.2% (vs. เม.ย. 0%)
ความกังวลจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงดำเนินอยู่ (ดัชนี VIX +13%) กอปรกับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาอ่อนแอ กดดันให้ราคาน้ำมันดิบ Brent +4.4% จากความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันในตลาดโลกตึงตัว ท่ามกลางอุปสงค์ที่ชะลอตัว ขณะที่ราคาทองคำ -0.3% ตามการแข็งค่าของดอลลาร์
• SET Index : เราคาดว่า SET Index จะแกว่งผันผวนในกรอบแคบ 1,100-1,125 จุด ในลักษณะ Sideway-Sideway down เนื่องจากปัจจัยที่ยังไม่ชัดเจนทั้งความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ยืดเยื้อ หลังอิหร่านปฏิเสธการเจรจาหยุดยิง ท่ามกลางท่าทีร่วมของชาติมหาอำนาจจากการประชุม G7 ที่สนับสนุนอิสราเอล รวมถึงการเปิดห้อง situation room ของสหรัฐ หากอ้างอิงจากที่ผ่านมานั้น จะตามมาด้วยเหตุการณ์ตึงเครียดหลังมีการประชุมนี้
รวมถึงประเด็นในประเทศอย่างสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และ การปรับครม. ที่พรรคเพื่อไทยได้ขอกระทรวงมหาดไทยคืน และให้พรรคภูมิใจไทยย้ายไปบริหารกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยรัฐมนตรีสำนักนายกฯ โดยขอคำตอบภายใน 19 มิ.ย. นี้ 15.00 น. เพิ่มความไม่แน่นอนทางการเมือง เนื่องจากหากพรรคภูมิใจไทยย้ายออกไปเป็นฝ่ายค้าน จะส่งผลให้จำนวนเสียงรัฐบาลในสภาไม่ถึงครึ่งหนึ่ง กดดันบรรยากาศการลงทุนในภาพรวม
กลยุทธ์การลงทุน เราจึงแนะนำหุ้นกลุ่ม Defensive Play และ Trading-Selective Buy ตามปัจจัยบวกเฉพาะตัว
เราแนะนำให้ติดตามการประชุม Fed (18 มิ.ย.) รวมถึงสุนทรพจน์ของนายพาวว์เวล ประธาน Fed, คาดการณ์ Fed Dot Plot และตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจสหรัฐ อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของ Fed ระยะถัดไป
ประเด็นคณะกรรมการค่าจ้างมีมติเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาท/วัน ในกทม. (+7.5% จากเดิม 372 บาท) และ กิจการโรงแรมตั้งแต่ระดับ 2 ดาวขึ้นไปและกิจการสถานบริการทั่วประเทศในจังหวัดอื่น มีผล 1 ก.ค. นี้ โดยจะมีการนำเข้าครม. ในขั้นตอนต่อไป ซึ่งตลาดคาดว่ามีแรงงานได้รับประโยชน์กว่า 7 แสนคน และ เราคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อกลุ่มผู้รับเหมารายย่อยและธุรกิจก่อสร้างที่มีสัดส่วนกรรมกรและแรงงานต่างด้าวสูง ขณะเดียวกัน เรามองว่ากลุ่มที่ได้รับผลกระทบน้อย ได้แก่ 1) กลุ่มที่ฐานค่าจ้างเดิมสูงอยู่แล้วอย่างธุรกิจค้าปลีก (CPALL) และ แรงงานฝีมือในธุรกิจบ้านแนวราบซึ่งมีสต็อกอยู่แล้ว หรือกลุ่มผู้รับเหมารายใหญ่ อย่างไรก็ตาม อาจมีแรงกดดันจาก Sentiment ลบแทน 2) โครงการคอนโดส่วนใหญ่ที่ใช้ระบบ Turn Key ซึ่งผู้รับเหมารับภาระต้นทุนค่าก่อสร้างทั้งหมด ทำให้ผู้พัฒนาโครงการไม่ค่อยได้รับผลกระทบ
• หุ้นแนะนำ
GULF : เราชอบ Gulf จากกำไรที่เติบโตสม่ำเสมอ, งบดุลที่แข็งแกร่งขึ้น, สถานะผู้นำตลาดและการขยายธุรกิจสาธารณูปโภคและ LNG ส่วนกำไรที่เติบโตของธุรกิจใหม่จะช่วยหนุนให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้น
(Take profit : 44.50 / Stop loss : 42.50)
MINT : เราเชื่อว่าตลาดรับรู้ความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจที่ขยายตัวลดลงแล้ว อีกทั้ง MINT น่าจะได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐน้อยที่สุดในกลุ่มผู้ประกอบการโรงแรมไทยเนื่องจากบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากโรงแรมในประเทศน้อยที่สุด
(Take profit : 23.8 / Stop loss : 22.6)
#MacroWealthResearch
#CGSInternational
#CGSI
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon