ธ.ก.ส. ขับเคลื่อนการพัฒนาชนบทที่ยั่งยืนผ่านกลไก Essence of Agriculture ยกระดับประสิทธิภาพการผลิตและเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร สร้างรายได้อย่างยั่งยืนให้เกษตรกรไทย

9

มิติหุ้น – ธ.ก.ส. เดินหน้ายกระดับเกษตรกรไทยทุกมิติ ภายใต้วิสัยทัศน์ “ธนาคารพัฒนาชนบทที่ยั่งยืน” ด้วยกลไกแกนกลางการเกษตร ที่มุ่งส่งเสริมและยกระดับศักยภาพเกษตรกร ผู้ประกอบการเกษตร วิสาหกิจชุมชนและสหกรณ์การเกษตรทั่วประเทศ ทั้งในด้านองค์ความรู้ เทคโนโลยี นวัตกรรม การตลาด และการสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์ เผยความสำเร็จจากข้าวพร้อมทานตรา “อุ่นอิ่ม” จาก สกต.ร้อยเอ็ด ต้นแบบการยกระดับผลิตภัณฑ์จากผลผลิตข้าวสารของสมาชิกสู่การเป็นข้าวพร้อมทานคุณภาพสูง ที่เชื่อมโยงการผลิต การแปรรูป เทคโนโลยีและนวัตกรรม และการตลาด เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์ ไปสู่การยกระดับรายได้ให้เกษตรกรในพื้นที่อย่างยั่งยืน ซึ่งสามารถสร้างรายได้จากยอดขายรวมไปแล้วกว่า 1.8 ล้านบาท จากปริมาณการผลิตข้าวรวมกว่า 40,000 ถ้วย ในระยะเวลาเพียง 8 เดือน   

นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ธ.ก.ส. ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่มีวิสัยทัศน์ในการเป็น “ธนาคารพัฒนาชนบทที่ยั่งยืน” พร้อมเดินหน้าเพิ่มศักยภาพและยกระดับรายได้เกษตรกร ผู้ประกอบการเกษตร วิสาหกิจชุมชน และสหกรณ์การเกษตรทั่วประเทศ ตามแนวทางในการเป็นแกนกลางการเกษตร (Essence of Agriculture) ด้วยการสนับสนุนองค์ความรู้ทั้งด้านการผลิต เทคโนโลยี นวัตกรรม และการตลาด ควบคู่ไปกับการเชื่อมโยงการผลิตและการตลาดตลอดห่วงโซ่ ภายใต้แผนยกระดับผลิตภัณฑ์ของเกษตรกรด้วยแนวคิด ‘ทำน้อยได้มาก’ เช่น การสร้างภาพลักษณ์ที่ทันสมัยให้กับผลผลิตทางการเกษตรด้วยการ Repackage และ Redesign พัฒนาและยกระดับสินค้าของลูกค้าเพื่อสร้างแบรนด์ชุมชนไปสู่การเป็นสินค้าเกษตรมูลค่าสูง (Glam Agro) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการสินค้าที่น่าสนใจ มีคุณภาพ แปลกใหม่ และนำไปสู่การสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรได้อย่างยั่งยืน รวมถึงการขยายโอกาสทางธุรกิจให้กับสถาบันเกษตรกรและสหกรณ์การเกษตรในการจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) เพื่อจำหน่ายสินค้าผ่านเครือข่ายพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ ธ.ก.ส. ยังเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าให้กับเกษตรกรลูกค้าของธนาคารผ่าน BAAC branch Outlet ที่สาขาของ ธ.ก.ส. กว่า 387 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งในปีบัญชี 2567 (1 เมษายน 2567 – 31 มีนาคม 2568) มียอดจำหน่ายรวมสูงสุดถึง 9.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีบัญชี 2566 ที่มียอดจำหน่ายรวมทั่วประเทศ 2.1 ล้านบาท เนื่องจากมีจำนวนสาขาธนาคารที่เป็น BAAC branch Outlet เพิ่มขึ้นทุกปี โดยในปีบัญชี 2567 ที่ผ่านมามีจำนวน BAAC branch Outlet เพิ่มขึ้นจากปีบัญชี 2566 กว่า 236 สาขา รวมเป็น 387 สาขา พร้อมตั้งเป้าหมายปีบัญชี 2568 เดินหน้าเพิ่มสาขา BAAC branch Outlet อีก 300 สาขา รวมทั้งหมดกว่า 600 สาขา ทั่วประเทศ และสามารถสร้างยอดขายรวมที่ 12 ล้านบาท รวมถึงการจัดทำโครงการ BAAC Outlet Mobile ซึ่งเป็นการเปิดจำหน่ายสินค้าในรูปแบบออกบูธนอกสถานที่ เช่น ลานกิจกรรมในศูนย์การค้า ตลาดนัด อาคารสำนักงาน ทั้งภาครัฐ และเอกชน เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์สินค้าของเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ในปีบัญชี 2567 หนึ่งในผลิตภัณฑ์เด่นที่ ธ.ก.ส. ได้เข้าไปยกระดับสินค้าเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ คือ ข้าวพร้อมทานตรา “อุ่นอิ่ม” จัดทำโดยสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. ร้อยเอ็ด (สกต.ร้อยเอ็ด) โดย ธ.ก.ส. ได้มีส่วนร่วมตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ในกระบวนการนำผลผลิตข้าวสารหอมมะลิ GI ทุ่งกุลาร้องไห้ไปสู่การเป็นข้าวพร้อมทาน โดยใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีการฆ่าเชื้อด้วยความร้อน (Retort Technology) เข้ามาแปรรูปข้าวให้มีคุณภาพ อร่อย ได้มาตรฐาน สามารถรับประทานได้ทันที หรืออุ่นในไมโครเวฟเพียง 60 วินาที เพื่อเพิ่มความอร่อยยิ่งขึ้น และยังสามารถเก็บในอุณหภูมิห้องได้นานถึง 18 เดือน โดยไม่จำเป็นต้องเก็บไว้ในตู้เย็น รวมถึงยังได้ออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีความโดดเด่น สวยงาม น่ารับประทาน หลังจากนั้น ธ.ก.ส. ได้เข้าไปสนับสนุนการต่อยอดผลิตภัณฑ์ด้วยการนำข้าวกล้องหอมมะลิและข้าวไรซ์เบอร์รีมาแปรรูปเป็นข้าว “อุ่นอิ่ม” เพื่อสร้างความหลากหลายให้กับผลิตภัณฑ์และตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคยุคปัจจุบันที่สนใจในการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ โดยนับตั้งแต่ สกต.ร้อยเอ็ด เริ่มเปิดจำหน่ายข้าวพร้อมทานตรา “อุ่นอิ่ม” ทั้งประเภทข้าวหอมมะลิ ข้าวกล้อง และข้าวไรซ์เบอร์รี ตั้งแต่เดือนกันยายน 2567 ถึงปัจจุบัน มียอดส่งจำหน่ายได้แล้วมากกว่า 40,000 ถ้วย คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.8 ล้านบาท และเตรียมขยายตลาดไปยังกลุ่มผู้บริโภคในหัวเมืองใหญ่ และกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยที่สามารถนำข้าวอุ่นอิ่มพกพาเดินทางไปทานระหว่างท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศได้อีกด้วย

สำหรับในปีบัญชี 2568 (1 เมษายน 2568 – 31 มีนาคม 2569) ธ.ก.ส. ตั้งเป้าต่อยอดและขยายผลการพัฒนาข้าวพร้อมทานตรา“อุ่นอิ่ม” ไปยังสหกรณ์การเกษตรอื่น ๆ เพื่อเพิ่มรายได้ อาทิ สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. นครปฐม (สกต. นครปฐม) ผู้ผลิตข้าว กข. 43 ซึ่งเป็นข้าวขาวที่ผ่านการปรับปรุงพันธุ์ให้มีน้ำตาลต่ำ จึงมีคุณสมบัติที่ดีต่อสุขภาพ และสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. สุรินทร์ (สกต. สุรินทร์) ผู้ผลิตข้าวหอมนิล ข้าวที่มีสีดำโดยกำเนิด มีรสชาติอร่อย มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์และมีคุณค่าทางสารอาหารสูง และข้าวหอมมะลิอินทรีย์ ปลูกแบบธรรมชาติไม่ใช้ปุ๋ยเคมีหรือสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ไขมันต่ำ ไม่มีคอเลสเตอรอล เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพเช่นกัน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มจำหน่ายได้ตั้งแต่เดือนกันยายน 2568 และจะทำให้ ณ สิ้นปีบัญชี 2568 ยอดจำหน่ายข้าวพร้อมทานตรา “อุ่นอิ่ม” ทั้ง 6 ประเภท รวมกันได้มากกว่า 5 ล้านบาท ทำให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่เป็นสมาชิกของ สกต. แต่ละแห่งมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นต่อไป โดยผู้ที่สนใจสามารถสนับสนุนและเลือกซื้อสินค้าคุณภาพดีจากเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. รวมถึงข้าวพร้อมทานตรา “อุ่นอิ่ม” ได้ที่ BAAC Branch Outlet ทั้ง 387 สาขาทั่วประเทศ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 02 555 0555

นอกจากนี้ ในปีบัญชี 2568 ธ.ก.ส. ยังพร้อมเดินหน้าโครงการยกระดับสินค้า A-product ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ลูกค้าที่ได้รับการการันตีมาตรฐานและรับรองคุณภาพ เช่น  มาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี GAP (Good Agricultural Practices) โดยธนาคารได้คัดเลือกและรวบรวมผลิตภัณฑ์ลูกค้าภายใต้ตราสัญลักษณ์ A-Product พร้อมให้การสนับสนุน ในด้านองค์ความรู้ ทักษะการดำเนินธุรกิจ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และด้านการตลาด ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ลูกค้า ธ.ก.ส. ที่เป็น A-product กว่า 269 ราย และในปีบัญชี 2568 ธ.ก.ส. ยังคงเดินหน้ายกระดับผลิตภัณฑ์ A-Product ไปสู่สินค้า Essence ด้วยการ Re-package และ Re-design ออกแบบและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ใหม่ให้สวยงาม ทันสมัย เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ สามารถจำหน่ายได้ในตลาดที่มีกำลังซื้อสูง พร้อมขับเคลื่อนการยกระดับผลิตภัณฑ์ไปสู่สินค้า Glam-Agro หรือสินค้าเกษตร ติดแกลม โดยธนาคารจะคัดเลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการพัฒนาบรรจุภัณฑ์มาประชาสัมพันธ์การตลาดผ่านสื่อต่าง ๆ ของธนาคาร เพื่อสร้างการรับรู้ไปในตลาดอย่างกว้างขวาง ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจ และสร้างรายได้ให้กับลูกค้าเกษตรกร ได้อย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ ธ.ก.ส. ยังพร้อมผลักดันการขยายโอกาสทางธุรกิจให้สถาบันเกษตรกรและสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. (สกต.) เพื่อส่งเสริมการสร้างเกษตรกรหัวขบวนและสร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร โดยการเสริมทักษะความรู้ความสามารถ พัฒนาศักยภาพ สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรวบรวม การผลิต การแปรรูป พัฒนาผลิตภัณฑ์ และช่องทางการตลาด เพื่อให้สามารถขยายธุรกิจเดิมหรือเพิ่มธุรกิจใหม่ได้ โดยตั้งเป้าหมาย ปีบัญชี 2568 จะมีสถาบันเกษตรกร และ สกต. เข้าร่วมโครงการไม่น้อยกว่า 35 แห่ง และคาดว่าจะมีเกษตรกรสมาชิกไม่น้อยกว่า 1.75 ล้านคน ได้รับโอกาสทางธุรกิจและสามารถเพิ่มปริมาณธุรกิจของผลิตภัณฑ์หรือรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ภายในสิ้นปีบัญชี 2568 รวมถึงสนับสนุนการจับคู่ธุรกิจภาคการเกษตร โดยตั้งเป้าหมายสนับสนุนการจับคู่ธุรกิจ ไม่น้อยกว่า 90 คู่ เกิดปริมาณการรวบรวมผลผลิตทางการเกษตรไม่น้อยกว่า 700,000 ตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 5,900 ล้านบาท และต่อยอดการส่งออกผลิตภัณฑ์เกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. ไปยังตลาดต่างประเทศในระยะต่อไป ซึ่ง ธ.ก.ส. มุ่งมั่นที่จะเป็นศูนย์กลางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากในทุกมิติ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรและเป็นธนาคารพัฒนาชนบทที่ยั่งยืนต่อไป

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon