เลขาธิการ กสทช. ติดตามมาตรการแก้ไขปัญหา ซิม-สาย-เสา ให้ผู้ประกอบการโทรคมนาคมรายงานข้อมูลคู่สัญญานิติบุคคลต่างประเทศ เตรียมลงพื้นที่ตรวจสัญญาณชายแดนไทย-กัมพูชา คุมเข้มห้ามสัญญาณล้ำข้ามแดน

16

มิติหุ้น – นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) ในฐานะหน่วยงานกำกับพร้อมสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่อาจเกี่ยวข้องบริเวณชายแดน โดยหลังจากเมื่อวานนี้นายกรัฐมนตรีได้เรียกประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีสำนักงาน กสทช. เข้าร่วมให้ข้อมูลด้วยนั้น ในวันนี้ได้มีการประชุมผู้บริหารสำนักงาน กสทช. ให้แจ้งมาตรการจัดการโครงสร้างพื้นฐานทางโทรคมนาคมต่อผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม ได้ข้อสรุป ดังนี้

มาตรการซิม (1) สำนักงาน กสทช. จะดำเนินการประสานแจ้งกรมศุลกากรห้ามมีการขนซิมไทยออกนอกประเทศ และ (2) ขอข้อมูลจำนวนการลงทะเบียนเปิดใช้งานซิมในพื้นที่ชายแดน

มาตรการสาย (1) ให้ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมที่มีจุดเชื่อมต่อออกต่างประเทศบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา รายงานข้อมูลคู่สัญญากรณีที่เป็นนิติบุคคลต่างประเทศว่ามีการใช้งานโทรคมนาคมในธุรกิจใด และมีปริมาณการใช้งานมากน้อยเพียงใด และ (2) การระงับการเชื่อมต่อโครงข่ายไปยังกัมพูชาซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการไปแล้ว หากจะกลับมาใช้บริการต่อ ให้แจ้งสำนักงาน กสทช. และส่งกลับมาพิจารณา

มาตรการเสา สำนักงาน กสทช. จะลงพื้นที่บริเวณจุดผ่านแดนไทย-กัมพูชา ได้แก่ จ.สระแก้ว จันทบุรี ตราด ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ หลังมีการควบคุมการเข้าออกจุดผ่านแดน เพื่อตรวจสอบสัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ต ไม่ให้เกิดผลกระทบกับคนไทยในพื้นที่ พร้อมทั้งจะตรวจสอบสัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ต ไม่ให้เกิดการล้ำข้ามแดนไปยังกัมพูชา โดยสำนักงาน กสทช. จะกำชับเรื่องนี้กับผู้ให้บริการโทรคมนาคมต้องดำเนินการอย่างจริงจัง เพื่อเร่งดำเนินการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ต่อเนื่อง

นายไตรรัตน์ เปิดเผยว่า นอกจากการเตรียมการลงพื้นที่ตรวจสัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตในพื้นที่บริเวณชายแดน สำนักงาน กสทช. ต้องการรับฟังและพร้อมให้ความร่วมมือหน่วยงานความมั่นคง กองกำลังทหารชายแดนในพื้นที่ซึ่งได้ปฏิบัติงานด้วยความเข้มแข็ง และลาดตระเวนอยู่ในพื้นที่ต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนและอำนวยความสะดวกด้านการสื่อสารในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อชาติ

“จากนี้หากผู้ประกอบการโทรคมนาคมจะมีการเชื่อมต่อสัญญาณไปยังกัมพูชาจะต้องมีการให้รายละเอียดธุรกิจและบริการ เพื่อให้สำนักงาน กสทช. ตรวจสอบเข้มข้นขึ้น ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ถือเป็นปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติที่สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน และยังสร้างความเสียหายในด้านเศรษฐกิจและสังคม เราพร้อมให้ความร่วมมือรัฐบาลเพื่อแก้ไขปัญหาอาชญกรรมทางเทคโนโลยีให้เห็นผลเร็วที่สุด” นายไตรรัตน์ กล่าว

ทั้งนี้ ปัจจุบันมีผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมที่มีโครงข่ายเป็นของตนเองที่มีจุดเชื่อมต่อออกต่างประเทศบริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา ทั้งสิ้น 14 บริษัท ได้แก่ 1. บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) 2. บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด 3. บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด 4. บริษัท ทรู อินเทอร์เน็ต คอร์ปอเรชั่น จำกัด 5. บริษัท ยูไนเต็ด อินฟอร์เมชั่น ไฮเวย์ จำกัด 6. บริษัท เอแอลที เทเลคอม จำกัด (มหาชน) 7. บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เกทเวย์ จำกัด 8. บริษัท จัสเทล เน็ทเวิร์ค จำกัด 9. บริษัท ซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น จำกัด 10. บริษัท ที.ซี.ซี.เทคโนโลยี จำกัด 11. บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) 12. บริษัท แอล ดับเบิ้ลยู ที เอ็น จำกัด 13. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และ14. บริษัท เคิร์ซ จำกัด ซึ่งทั้ง 14 บริษัท ได้หยุดให้บริการเชื่อมต่อโครงข่ายระหว่างประเทศไปยังกัมพูชาแล้ว

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon