มิติหุ้น – ปริมาณการจำหน่ายกระเบื้องปูพื้น-บุผนังในประเทศ ปี 2025 มีแนวโน้มหดตัว 2.4%YOY ขณะที่ ราคาโดยเฉลี่ยมีแนวโน้มปรับตัวลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 152 บาท/ตารางเมตร (-0.5%YOY) การเปิด ตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ของผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีแนวโน้มหดตัวในปี 2025 ส่งผลให้ปริมาณการใช้งานกระเบื้องปูพื้น-บุผนังของไทยในปี 2025 มีแนวโน้มหดตัวจากปี 2024 ไปอยู่ ที่ประมาณ 191.8 ล้านตารางเมตร (-2.4%YOY) โดยยังมีการใช้งานเพื่อปรับปรุงพื้นที่เชิงพาณิชย์ และที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว ทั้งนี้ราคากระเบื้องปูพื้น-บุผนัง โดยเฉลี่ยมีแนวโน้มลดลงไปอยู่ที่ประมาณ 152 บาทต่อตารางเมตร (-0.5%YOY) จากแนวโน้มต้นทุนราคาพลังงานที่ลดต่ำลง ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบการผลิตประเภทสินแร่ และเคมีภัณฑ์ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง
ในปี 2025 อุตสาหกรรมกระเบื้องปูพื้น-บุผนังของไทย ยังต้องเผชิญความท้าทายจากกระเบื้องราคา ถูกจากจีน และเวียดนามเข้ามาตีตลาด กระเบื้องนำเข้าจากจีนและเวียดนามส่วนใหญ่เป็นกระเบื้อง กลุ่มแมส (Mass product) ซึ่งมีราคาโดยเฉลี่ยถูกกว่าราคากระเบื้องที่ผลิตในประเทศไทยประมาณ 6-10% ส่งผลให้มีการนำกระเบื้องจากทั้งสองประเทศเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยในช่วงปี 2020-2024 เฉลี่ยปีละ ประมาณ 40 ล้านตารางเมตร (+2.7%CAGR) จนสามารถชิงส่วนแบ่งทางการตลาดได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้สงครามการค้าของสหรัฐอเมริกาที่มีนโยบายปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศต่างๆ ทั่วโลกก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้กระเบื้องปูพื้น-บุผนังจากต่างประเทศที่อยู่ใกล้เคียงกันกับไทย อาทิ จากจีน, เวียดนาม และอินเดีย มีความเสี่ยงที่จะถูกกระบายเข้ามายังไทยเพิ่มมากขึ้นในปี 2025 ด้วยเช่นกัน
การสร้างความแตกต่างให้ผลิตภัณฑ์มีความโดดเด่น รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์กระเบื้อง คุณสมบัติพิเศษที่มีคุณภาพสูง จะช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันแก่ผู้ผลิตกระเบื้องปูพื้น-ผนัง และช่วยประคองธุรกิจท่ามกลางการแข่งขันของกระเบื้องนำเข้า การมุ่งแข่งขันด้านราคาของ กระเบื้องกลุ่มแมส ส่งผลให้รายได้ของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมกระเบื้องปูพื้น-บุผนังลดลงไปพร้อม กับอัตรากำไรที่อยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ตาม การพัฒนาสินค้าให้มีความโดดเด่น มีคุณสมบัติพิเศษ ที่สามารถตอบโจทย์เทรนด์ผู้บริโภค เช่น กระเบื้องป้องกันรอยขีดข่วน และทำความสะอาดง่ายเพื่อตอบโจทย์บ้านที่มีสัตว์เลี้ยง การพัฒนาสินค้าเกรดพรีเมียมเพื่อเจาะตลาดที่มีกำลังซื้อสูง จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันแก่ผู้ผลิตได้ ประกอบกับการนำพลังงานสะอาด และพลังงานหมุนเวียนมาใช้ในกระบวนการผลิตในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น ช่วยให้ต้นทุนด้านพลังงานของผู้ผลิตลดลงอีกด้วย ซึ่งจะช่วยประคองธุรกิจท่ามกลางการแข่งขันของกระเบื้องนำเข้าที่มาตีตลาด
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoo