TRIS Rating คงอันดับเครดิตองค์กร “NCAP” ที่ “BBB-” แนวโน้ม “Stable”

16

มิติหุ้น – ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท เน็คซ์ แคปปิตอล จํากัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB-” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงฐานทุนที่แข็งแกร่งตลอดจนแหล่งเงินทุนและสภาพคล่องที่อยู่ในระดับเพียงพอของบริษัท

อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงสถานะทางธุรกิจของบริษัทในฐานะที่เป็นผู้ให้บริการขนาดกลางในสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์และการลดลงของผลกำไรซึ่งเป็นผลจากการจำกัดอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์อีกด้วย ทั้งนี้ แม้ว่าคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับในอดีต แต่อันดับเครดิตยังคงถูกจำกัดจากสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนซึ่งอาจส่งผลให้คุณภาพสินทรัพย์อ่อนตัวลงอีกครั้งและผลกำไรมีความผันผวน

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

สถานะฐานทุนที่แข็งแรงยังคงเป็นปัจจัยหลักที่สนับสนุนอันดับเครดิต

ทริสเรทติ้งประเมินสถานะฐานทุนของบริษัทให้อยู่ในระดับ “แข็งแรง” ทั้งนี้ เงินทุนของบริษัทซึ่งวัดจากอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงนั้นอยู่ที่ระดับ 24.8% ณ สิ้นไตรมาสแรกของปี 2568 ซึ่งเท่ากันกับตัวเลข ณ สิ้นปี 2567 และปี 2566

ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงของบริษัทจะยังคงอยู่ในช่วง 24%-26% ในระหว่างปี 2568-2570 โดยอยู่ภายใต้สมมติฐานดังต่อไปนี้ 1) ยอดสินเชื่อคงค้างจะเพิ่มขึ้นจนถึงระดับประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นปี 2570 จากระดับ 9.9 พันล้านบาท ณ สิ้นไตรมาสแรกของปี 2568 และ 2) อัตราการจ่ายเงินปันผลจะอยู่ที่ระดับประมาณ 20% อย่างไรก็ตาม หากอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงลดลงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 15% เป็นระยะเวลานานก็อาจส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตได้

มีสถานะทางธุรกิจอยู่ในระดับปานกลาง

บริษัทยังคงรักษาสถานะที่เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ชั้นนำ 4 อันดับแรกในปี 2567 ตามฐานข้อมูลของทริสเรทติ้ง โดย ณ เดือนมีนาคม 2568 พอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รวมของบริษัทอยู่ที่ระดับ 9.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงขยายพอร์ตสินเชื่ออย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าที่อัตราการเติบโตเฉลี่ย 5% ต่อปี เมื่อพิจารณาจากนโยบายของบริษัทที่มุ่งเน้นไปที่การสร้างผลกำไรและรักษาคุณภาพสินทรัพย์ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน

ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงให้ความสำคัญเชิงกลยุทธ์กับธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในฐานะที่เป็นธุรกิจหลักต่อไปในขณะที่สัดส่วนรายได้จากผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น สินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสองและสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์มีแนวโน้มลดลง โดยบริษัทได้ตัดสินใจยุติการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสองสำหรับลูกค้ารายใหม่ตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 เป็นต้นมาเนื่องจากสินเชื่อดังกล่าวมีอัตราการทำกำไรต่ำกว่าสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์และไม่สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงที่บริษัทสามารถยอมรับได้ โดยปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการทยอยลดพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกลง ในขณะเดียวกัน สินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ซึ่งเริ่มดำเนินการในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 นั้นก็มีแนวโน้มว่าจะยังคงมีขนาดเล็กเนื่องจากบริษัทมีแผนการขยายธุรกิจที่ระมัดระวัง

คุณภาพสินทรัพย์ปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

คุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญมาตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 และยังคงมีแนวโน้มในเชิงบวกต่อเนื่องไปในไตรมาสแรกของปี 2568 โดยอัตราส่วนลูกหนี้ด้อยคุณภาพของบริษัทลดลงเหลือ 1.8% ณ สิ้นไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 และลดลงอีกเหลือ 1.5% ณ สิ้นไตรมาสแรกของปี 2568 จาก 2.4% ณ สิ้นปี 2566 ซึ่งการปรับตัวที่ดีขึ้นนี้เป็นผลจากการดำเนินนโยบายพิจารณาสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้นและการมีกระบวนการติดตามหนี้ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นซึ่งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่กลางปี 2565 โดยเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ของบริษัทที่จะบรรเทาผลกระทบจากการถูกจำกัดอัตราดอกเบี้ย

สำหรับค่าใช้จ่ายด้านเครดิตนั้นก็ลดลงด้วยเช่นกัน โดยอยู่ที่ระดับ 6.3% ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 และที่ระดับ 5.0% ในไตรมาสแรกของปี 2568 ลดลงจากระดับที่เคยสูงกว่า 8% ก่อนหน้านี้ ในการนี้ ทริสเรทติ้งเชื่อว่าระดับ 5%-6% จะเป็นระดับฐานใหม่ของค่าใช้จ่ายด้านเครดิตของบริษัท โดยคุณภาพของสินเชื่อปล่อยใหม่ได้ปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนและเริ่มมีเสถียรภาพซึ่งเห็นได้จากการลดลงของจำนวนลูกหนี้ที่ผิดนัดชำระหนี้ตั้งแต่ครึ่งแรกของปี 2567 ซึ่งทริสเรทติ้งคาดว่าการปรับตัวที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องของคุณภาพสินทรัพย์จะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของกำไรอย่างยั่งยืน

ในปี 2569 คุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทอาจเผชิญกับแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอซึ่งเป็นผลจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรการภาษีของประเทศสหรัฐฯ และความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ ทั้งนี้ ปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการฟื้นตัวในปัจจุบันได้ แต่ทริสเรทติ้งก็คาดว่าผลกระทบที่จะมีต่ออันดับเครดิตของบริษัทนั้นยังคงอยู่ในระดับจำกัด

การฟื้นตัวของความสามารถในการสร้างผลกำไรเป็นปัจจัยที่สนับสนุนอันดับเครดิต

ทริสเรทติ้งคาดว่าความสามารถในการสร้างผลกำไรของบริษัทซึ่งวัดจากอัตราส่วนกำไรก่อนหักภาษีต่อสินทรัพย์เสี่ยงถัวเฉลี่ย (EBT/ARWA) จะยังคงสูงกว่า 2.5% ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนอันดับเครดิตของบริษัท ณ ระดับปัจจุบัน การฟื้นตัวที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเมื่อเทียบกับระดับในช่วงปี 2565-2567 นั้นจะเกิดจากอัตราผลตอบแทนจากเงินให้สินเชื่อที่เริ่มสร้างฐานได้และการปรับตัวที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องของคุณภาพสินทรัพย์

อัตราผลตอบแทนสุทธิของบริษัทคาดว่าจะอยู่ในช่วง 16%-17% ในระหว่างปี 2568-2570 ซึ่งสอดคล้องกับระดับ 16.3% ในปี 2567 และไตรมาสแรกของปี 2568 ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งก็คาดว่าค่าใช้จ่ายด้านเครดิตจะอยู่ที่ระดับ 5%-6% ในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งถือเป็นการลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากในอดีต และการปรับตัวที่ดีขึ้นดังกล่าวทำให้ทริสเรทติ้งประมาณการกำไรสุทธิของบริษัทว่าจะอยู่ที่ระดับสูงเกินกว่า 400 ล้านบาทต่อปีไปจนถึงปี 2570

มีสภาพคล่องและแหล่งเงินทุนที่เพียงพอ

สถานะแหล่งเงินทุนและสภาพคล่องของบริษัทได้รับการประเมินให้อยู่ในระดับที่ “เพียงพอ” โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความสัมพันธ์ที่บริษัทมีกับสถาบันการเงินหลากหลายแห่ง

ณ เดือนมีนาคม 2568 โครงสร้างเงินทุนของบริษัทประกอบด้วยเงินกู้ระยะสั้น 28% เงินกู้ระยะยาว 24% และส่วนของผู้ถือหุ้นอีก 48% โดย ณ สิ้นไตรมาสแรกของปี 2568 ภาระเงินกู้ระยะสั้นซึ่งรวมถึงส่วนของเงินกู้ระยะยาวที่ครบกำหนดในหนึ่งปีคิดเป็นสัดส่วน 54% ของยอดเงินกู้ทั้งหมดของบริษัท

นอกจากนี้ บริษัทยังคาดการณ์ว่าจะมีเงินสดไหลเข้าจากการชำระคืนเงินกู้ของลูกค้าจำนวนราว 300-400 ล้านบาทต่อเดือนในช่วง 12 เดือนข้างหน้า (กรกฎาคม 2568- มิถุนายน 2569) ด้วย เมื่อพิจารณาจากตารางการชำระหนี้ที่กระจายตัวและสถานะสภาพคล่องที่เพียงพอแล้ว กระแสเงินสดรับเหล่านี้ก็คาดว่าจะเพียงพอสำหรับการชำระหนี้ในแต่ละเดือน โดยบริษัทมีแผนจะใช้กระแสเงินสดภายในสำหรับชำระหนี้หุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนสิงหาคม 2568 นี้

เมื่อเทียบกับคู่แข่งโดยตรงแล้ว บริษัทมีความสัมพันธ์ที่หลากหลายกับสถาบันการเงินที่ให้วงเงินกู้ที่มากกว่า โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 บริษัทมีวงเงินสินเชื่อคงค้างจากสถาบันการเงินต่าง ๆ รวมทั้งสิ้นจำนวน 4.6 พันล้านบาทซึ่งทั้งหมดเป็นสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดจำนวน 2 รายคือ บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) (COM7) และ บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (SYNEX) ทั้งในรูปของวงเงินสินเชื่อและการเพิ่มทุนอีกด้วย

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

ทริสเรทติ้งมีสมมติฐานกรณีพื้นฐานสำหรับการดำเนินงานของบริษัทในระหว่างปี 2568-2570 ดังต่อไปนี้

  • สินเชื่อคงค้างจะเติบโตที่ระดับประมาณ 5% ต่อปี
  • อัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงจะคงอยู่ที่ระดับประมาณ 25%
  • อัตราผลตอบแทนจากรายได้ดอกเบี้ยต่อสินเชื่อรวมสุทธิ จะยังคงอยู่ที่ระดับประมาณ 16%-17%
  • ค่าใช้จ่ายด้านเครดิตจะอยู่ที่ระดับประมาณ 5.0%-6.0%
  • อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้รวมจะอยู่ที่ระดับประมาณ 35%

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” อยู่บนพื้นฐานการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าความสามารถในการทำกำไรและฐานทุนของบริษัทจะยังคงเป็นไปตามประมาณการกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้งและยังคงอยู่บนพื้นฐานการคาดการณ์ว่าบริษัทจะยังคงสถานะทางการตลาดในธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์เอาไว้ได้อีกด้วย

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

โอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตมีจำกัดในระยะใกล้ ส่วนในระยะยาวนั้น อันดับเครดิตอาจปรับเพิ่มขึ้นได้หากอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นเกินกว่า 30% ในระยะยาวโดยบริษัทยังสามารถรักษาสถานะทางการตลาดให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องต่อไปได้โดยที่ยังคงรักษาคุณภาพสินทรัพย์และผลการดำเนินงานให้เข้มแข็งเอาไว้ในขณะที่ดำรงฐานทุนให้แข็งแกร่งต่อไป

อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจปรับลดลงหากคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทเสื่อมถอยลงมากกว่าสมมติฐานกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้งจนส่งผลทำให้ค่าใช้จ่ายด้านเครดิตเพิ่มสูงขึ้นและอัตรากำไรก่อนภาษีเงินได้ต่อสินทรัพย์เสี่ยงถัวเฉลี่ยลดลงต่ำกว่า 1.5% หรือความเพียงพอของเงินทุนซึ่งวัดจากอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงลดลงต่ำกว่าระดับ 15% อย่างต่อเนื่อง

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

– เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตสถาบันการเงิน, 25 กันยายน 2567

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon