มิติหุ้น – Investment Strategy
• สรุปภาพรวมตลาด ตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยรวมโฟกัสไปที่ผลประกอบการ โดย ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี (23 ก.ค.) โดยถูกกดดันจากผลประกอบการที่อ่อนแอของ IBM อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ยังคงปิดทำนิวไฮ เนื่องจากผลประกอบการที่ดีเกินคาดของ ALPHABET ช่วยให้นักลงทุนมีความหวังว่าผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) รายอื่น ๆ จะแข็งแกร่งตามเช่นกัน
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,693.91 จุด ลดลง 316.38 จุด หรือ -0.70%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,363.35 จุด เพิ่มขึ้น 4.44 จุด หรือ +0.07% และ ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 21,057.96 จุด เพิ่มขึ้น 37.94 จุด หรือ +0.18%
• สรุปภาพรวมสินทรัพย์อื่นๆ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ส.ค. ลดลง 24.1 ดอลลาร์ หรือ 0.71% ปิดที่ 3,373.50 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจาก นักลงทุนเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากการเจรจาการค้ามีความคืบหน้า โดยสหรัฐฯ สามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับญี่ปุ่น และมีแนวโน้มที่จะบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหภาพยุโรป (EU)
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 67 เซนต์ หรือ 0.98% ปิดที่ 69.18 ดอลลาร์/บาร์เรล โดย ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น หลังจากมีข่าวว่ารัสเซียกำลังวางแผนที่จะลดการส่งออกน้ำมันเบนซินให้กับทุกประเทศ ยกเว้นประเทศพันธมิตรและประเทศบางแห่ง เช่น มองโกเลีย ซึ่งรัสเซียมีข้อตกลงการจัดหาน้ำมัน
• SET Index : เราคาดกรอบ SET Index ที่บริเวณ 1,200-1,225 จุด โดย ความอ่อนไหวประเด็นไทย-กัมพูชา คือ ประเด็นที่ตลาดจับตา โดย เราเชื่อว่าหากสถานการณ์ตึงเครียดมากขึ้น CBG น่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุดเนื่องจากเราประมาณการว่ารายได้ 28% ในปี FY25 มาจากยอดขายเครื่องดื่มชูกำลังในกัมพูชา ขณะที่ BH และ MEGA น่าจะได้รับผลกระทบเช่นกันเพราะเราคาดว่ารายได้จากกัมพูชาจะมีสัดส่วนประมาณ 6% ของรายได้ ในปี FY25
รวมถึง ตัวเลขสุดท้ายของเจรจาภาษีการค้า ระหว่าง ไทย-สหรัฐฯ เนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาษีนำเข้าระหว่างไทยและสหรัฐฯ ยังคงมีอยู่ เราจึงได้ทำการวิเคราะห์ความอ่อนไหวของผลกระทบของภาษีศุลกากรต่อเศรษฐกิจของไทย
ภาษีศุลกากรที่ 20%: การเติบโตของ GDP ในปี 2568 อาจลดลงเหลือ 1.6%
ภาษีศุลกากรที่ 25%: การเติบโตของ GDP ในปี 2568 อาจลดลงเหลือ 1.5% เนื่องจากการส่งออกลดลงอีก แต่จะถูกชดเชยด้วยการนำเข้าที่ลดลง (ซึ่งเป็นค่าที่หักออกในการคำนวณ GDP)
ภาษีศุลกากรที่ 30%: การเติบโตของ GDP ในปี 2568 ถูกจำกัดไว้ที่ 1.5% แม้ว่าการส่งออกจะลดลงอย่างมาก แต่การนำเข้าจากสหรัฐฯจะลดลง ซึ่งจะช่วยบรรเทาผลกระทบต่อ GDP
หุ้นแนะนำ
GULF:
GULF เข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของ Pak Lay Power Co., Ltd ซึ่งเราคาดว่าจะทำให้กำไรปกติเพิ่มขึ้น 2 พันล้านบาทตั้งแต่ปี 2033F
เราคงประมาณการกำไรปกติในปี 2025-27F เพราะโครงการ Pak Lay ยังต้องใช้เวลาอีก 7-8 ปีจึงจะเริ่มทำกำไรให้กับ GULF
(Take profit : 47.25 / Stop loss : 46.00)
PTTEP:
เราคาดว่าราคาน้ำมันดิบจะอ่อนตัวใน 2H25 แต่ราคาก๊าซของ PTTEP น่าจะทรงตัวที่ประมาณ 5.7 เหรียญสหรัฐ/mmbtu ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุน EPS
เราประมาณการว่าราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นทุก 1 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลจะทำให้ EPS ในปี FY25 เพิ่มขึ้น 1.3%
(Take profit : 117.50 / Stop loss : 115.00)
#CGSInternational
#CGSI
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon