CGSI : PTTEP การร่วมลงทุนในแปลง A-18 จะทำให้ NPV เพิ่มขึ้น งบดุลแข็งแกร่ง แนะนำ “ซื้อ”

30

มิติหุ้น – ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล(ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ในไตรมาส 2/68 PTTEP  ทำกำไรสุทธิ 13,515 ล้านบาท ลดลง 18.4% qoq เนื่องจากปริมาณขายและราคาขายเฉลี่ยลดลง โดยผลประกอบการไตรมาสนี้สูงกว่าประมาณการของฝ่ายวิเคราะห์ 8.5% แต่สอดคล้องกับ Bloomberg consensus อย่างไรก็ตาม หากไม่รวมรายการที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานประกอบด้วยขาดทุนจากอัตรา แลกเปลี่ยน 3 ล้านเหรียญสหรัฐ, กำไรจากสัญญาประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน 15 ล้านเหรียญสหรัฐ และการ ตัดจำหน่ายสินทรัพย์ของโครงการเม็กซิโก 39 ล้านเหรียญสหรัฐ PTTEP จะมีกำไรจากการดำเนินงานปกติอยู่ ที่ 14,009 ล้านบาท ลดลง 15.8% qoq

นอกจากนี้ PTTEP ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรก 68 จำนวน 4.1 บาท/หุ้น ซึ่งจะเท่ากับอัตราการจ่ายเงินปันผล 54%

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า PTTEP แจ้ง SET ว่า บริษัทได้ลงนามในสัญญาซื้อขาย (SPA) กับ Hess Oil Company Thailand (Unlisted) เพื่อเข้าซื้อหุ้น 50% ในแปลง A-18 ซึ่งเป็นแหล่งปิโตรเลียมในมาเลเซียที่อยู่ติดกับแปลง B-17-01 ในพื้นที่พัฒนาร่วมมาเลเซีย-ไทย (MTJDA) ซึ่ง PTTEP ถือหุ้น 50% โดยบริษัทเชื่อว่าการเข้าลงทุนในแปลง A-18 จะทำให้เกิด synergy ด้านการดำเนินงาน รวมทั้งช่วยลดงบลงทุนและค่าใช้จ่ายในการสำรวจ/ผลิต

ส่วนมูลค่าการซื้อขายครั้งนี้อยู่ที่ 413 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเมื่อประเมินจากปริมาณสำรองที่พิสูจน์แล้ว และคาดจะพบจำนวน 83 mmboe (ล้านบาร์เรล) ต้นทุนของ PTTEP จะอยู่ที่ EV/BOE 4.9 เท่า เทียบกับธุรกรรมที่คล้ายคลึงกันในอาเซียนช่วง 10 ปีที่ผ่านมาที่ 8.4-8.5 เท่า นอกจากนี้ บริษัทเผยว่าสัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC) ของ A-18 จะสิ้นสุดในปี 72 หมายความว่า โครงการนี้ยังสามารถดำเนินการผลิตต่อไปอีกสี่ปี โดยมีการไหลของก๊าซ (gas flow) 500-600mmscfd (ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน) ในปี 68 และจะค่อยๆลดลงเหลือ 400mmscfd ในปี 72

ขณะที่ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI เชื่อว่า upside จากการเข้าร่วมลงทุนใน แปลง A-18 จะขึ้นอยู่กับระยะเวลาการต่อสัญญา PSC กับรัฐบาลมาเลเซีย ซึ่งถึงแม้ว่าจะสามารถต่ออายุ PSC ออกไปอีก 35 ปีแต่คาดว่าโครงการนี้จะสามารถผลิตก๊าซได้อีก 13.7 ปีภายใต้สมมติฐานที่อัตราการผลิตก๊าซอยู่ที่ 400mmscfd ดังนั้นหากราคาขายเฉลี่ยก๊าซอยู่ที่ 5.7 เหรียญสหรัฐ/mmbtu (ล้านบีทียู)  ประมาณการว่าโครงการน่าจะสร้างกระแสเงินสดประมาณ 96.5 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปีหรือทำให้ NPV(มูลค่าปัจจุบันสุทธิ) ของ PTTEP เพิ่มขึ้น 2.4 บาท/หุ้น

ยังแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 128 บาท เพราะ PTTEP มีงบดุลแข็งแกร่ง จึงน่าจะทำให้บริษัทยังสามารถจ่ายเงินปันผลสูงกว่า 50% ทั้งนี้หากราคาน้ำมันปรับตัวลงต่ำกว่า 55-60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ฝ่ายวิเคราะห์ฯคาดว่า PTTEP สามารถจ่ายเงินปันผลอย่างน้อย 8 บาท/หุ้นในปี 68-70 โดยไม่กระทบ net D/E อย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเพื่อสะท้อนสมมติฐาน EBITDA ที่สูงขึ้นและการร่วมลงทุนในแปลง A-18

ขณะที่ราคาหุ้น PTTEP อาจปรับตัวสูงขึ้นหากราคาน้ำมันดิบสูงกว่าคาด โดยประมาณการว่าราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นทุก 1 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จะทำให้ EPS ในปี 68 เพิ่มขึ้น 1.3% ส่วน downside risk จะมาจากการบันทึก ขาดทุนจากการด้อยค่าของโครงการ Mozambique LNG หากผู้ดำเนินโครงการยังไม่สามารถเข้าพื้นที่ก่อสร้างภายในครี่งหลังปี 68

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon