“Fossil Park” แห่งแรกของประเทศไทย เตรียมเปิดที่ Hatch Dome ณ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น สัมผัสประสบการณ์การเรียนรู้ ด้านความยั่งยืน ผ่านซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์ไทยของจริง AWC ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ พร้อมเปิดให้เข้าชมฟรีตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคม เป็นต้นไป

21

มิติหุ้น – แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น หรือ AWC ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทยที่มุ่งเน้นตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบครบวงจร ร่วมด้วย กรมทรัพยากรธรณี และ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ภายใต้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ เพื่อเปิดตัว “Fossil Park” พื้นที่การเรียนรู้ด้านธรณีวิทยาและซากดึกดำบรรพ์จากแหล่งค้นพบในประเทศไทย ภายใน Hatch Dome (แฮ็ธช์โดม) ณ โครงการ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น จัดแสดงซากดึกดำบรรพ์ของจริงควบคู่กับความรู้ด้านธรณีวิทยา และคุณค่าของสิ่งแวดล้อม ธรรมชาติ พืชป่า และสัตว์ป่าของไทยที่เคยอุดมสมบูรณ์ พร้อมส่งต่อความพิเศษให้นักเดินทางทั่วโลกได้พบกับไดโนเสาร์และสัตว์เลื้อยคลานบินได้ร่วมยุคกว่า 14 สายพันธุ์ที่พบได้ในประเทศไทยเท่านั้น ในพื้นที่การจัดแสดงต่อเนื่องจากประสบการณ์ Jurassic World: The Experience เพื่อสร้างความตระหนักรู้ด้านการอนุรักษ์ให้กับเยาวชนและครอบครัว ผ่านประสบการณ์ด้านการเรียนรู้จากของจริงที่สนุกสนาน ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เชื่อมโยงกับมรดกทางธรณีวิทยาของไทย และสะท้อนความมุ่งมั่นของ AWC ในการ “Building Better Future For All” หรือ “สร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่าให้ทุกคน” พร้อมสนับสนุนประเทศไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก โดย “Fossil Park” พร้อมเปิดให้เข้าชมฟรี 8 สิงหาคมนี้ ควบคู่กับประสบการณ์เสมือนจริงแบบอิมเมอร์ซีฟระดับโลก Jurassic World: The Experience

นายพิชิต สมบัติมาก อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า “ความร่วมมือกับ AWC ในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงพันธกิจของกรมทรัพยากรธรณีในการส่งเสริมการเรียนรู้ด้านธรณีวิทยาและซากดึกดำบรรพ์ให้เข้าถึงเยาวชนและประชาชนทั่วไปในรูปแบบใหม่ที่น่าสนใจ โดยประสบการณ์นี้จะนำเสนอเรื่องราวซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์สายพันธุ์ไทย รวมถึงซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์ของจริง และเข้าใจวิวัฒนาการของโลกใบนี้มากยิ่งขึ้น เพื่อเชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวทางธรณีวิทยาและซากดึกดำบรรพ์ของประเทศไทย โดยเฉพาะในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นแหล่งค้นพบซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์ที่สำคัญทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”

นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า “กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ AWC ในการนำเสนอ ‘Fossil Park’ ซึ่งถือเป็นการส่งเสริมแนวทางการอนุรักษ์ไปสู่ประชาชนและเยาวชนได้มากยิ่งขึ้น โดยประสบการณ์นี้นำเสนอความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศที่ได้รับการคุ้มครองของประเทศไทย ผ่านรูปแบบที่เข้าใจได้ง่ายและสร้างสรรค์ เพื่อเสริมสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์และหวงแหนผืนป่า สัตว์ป่า และทรัพยากรธรรมชาติของประเทศอย่างยั่งยืน”

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “AWC ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับผู้นำภาครัฐที่เป็นแรงบันดาลใจด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติชั้นนำของประเทศไทย ทั้งกรมทรัพยากรธรณีและกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ภายใต้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในการสร้างสรรค์ ‘Fossil Park’ ผสานความมหัศจรรย์ของวิทยาศาสตร์เข้ากับการตระหนักถึงความยั่งยืน ซึ่ง AWC เชื่อมั่นว่าสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่นี้จะช่วยจุดประกายความสนใจด้านการเรียนรู้ และสร้างความตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนให้กับคนรุ่นใหม่ให้เติบโตเป็นพลเมืองโลกที่มีจิตสำนึกต่อสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวยั่งยืนและการเรียนรู้ระดับโลก”

“Fossil Park” ถือเป็นโซนการเรียนรู้ด้านซากดึกดำบรรพ์ที่ออกแบบขึ้นเพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ และความภาคภูมิใจในทรัพยากรทางธรณีวิทยาและความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทย โดยจัดแสดงแบบจำลองและซากดึกดำบรรพ์จริงที่มีการค้นพบในประเทศ และกิจกรรมเวิร์คช็อปสำหรับเยาวชนในการขุดค้นซากดึกดำบรรพ์เพื่อเรียนรู้การเป็นนักบรรพชีวินวิทยาตัวน้อย รวมถึงบทบาทสำคัญของกรมทรัพยากรธรณีในการศึกษาค้นคว้าและอนุรักษ์ซากดึกดำบรรพ์ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชในการดูแลรักษาความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ พืชพรรณ และสัตว์ป่าไทย เพื่อส่งต่อองค์ความรู้สู่คนรุ่นใหม่ โดยมีไฮไลต์สำคัญเป็นแบบจำลองขนาดเท่าจริงของ “ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน” ไดโนเสาร์กินพืชขนาดยักษ์จากจังหวัดขอนแก่น ความยาวกว่า 15 เมตร ที่ได้รับการตั้งชื่อเพื่อถวายพระเกียรติแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ พร้อมด้วยการจัดแสดงซากดึกดำบรรพ์จริงที่สำคัญ อาทิ ซากดึกดำบรรพ์ปลาโบราณพุทธบุตรเอนซิส และอีกมากมายที่ขุดค้นโดยนักบรรพชีวินวิทยา

จากความโดดเด่นของประเทศไทยในฐานะหนึ่งในแหล่งขุดค้นซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์ที่สำคัญที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยลักษณะภูมิประเทศที่เอื้อต่อการก่อตัวของฟอสซิล โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นที่ตั้งของแหล่งขุดค้นหลัก อาทิ ภูเวียง จังหวัดขอนแก่น ภูกุ้มข้าวและภูน้อย จังหวัดกาฬสินธุ์ และภูแฝก จังหวัดมหาสารคาม รวมถึงพื้นที่อื่นๆ จนได้รับการขนานนามว่าเป็น “ดินแดนแห่งไดโนเสาร์” ซึ่งปัจจุบันมีการค้นพบไดโนเสาร์และสัตว์ในประเทศไทยมาแล้วมากถึง 14 สายพันธุ์ โดยมีสายพันธุ์ไฮไลต์สำคัญ อาทิ “สยามโมไทรันนัส อีสานเอนซิส” นักล่าแห่งแดนอีสาน กินรีมิมัส ขอนแก่นเอนซิส” ไดโนเสาร์สองเท้าผู้ปราดเปรียวที่ได้รับแรงบันดาลใจจากตำนานกินรีของไทย “อีสานโนซอรัส อรรถวิภัชน์ชิ” ซอโรพอดที่เก่าแก่ที่สุดในโลก “สยามแรปเตอร์ สุวัจน์ติ” หนึ่งในไดโนเสาร์กินเนื้อที่พบซากสมบูรณ์ที่สุดในไทย “มินิโมเคอร์เซอร์ ภูน้อยเอนซิส” หนึ่งในไดโนเสาร์กินพืชขนาดเล็กที่เก่าแก่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ “การูแดปเทอรัส บุฟโตติ” สัตว์เลื้อยคลานบินได้ชนิดแรกที่ตั้งชื่ออย่างเป็นทางการในประเทศไทยและเพิ่งมีการค้นพบใหม่ล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ โดยผู้เข้าชมสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับทั้ง 14 สายพันธุ์ที่พบได้เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น ผ่านแบบจำลองสามมิติเสมือนจริงด้วยระบบ QR Code เพื่อเข้าถึงข้อมูลด้านวิชาการในรูปแบบที่เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับเยาวชน นักเรียน และประชาชนทั่วไป เพื่อส่งเสริมความรู้ด้านบรรพชีวินวิทยาและสร้างความภาคภูมิใจในมรดกทางธรรมชาติของไทย

Fossil Park” เป็นหนึ่งในประสบการณ์ด้านการเรียนรู้ภายใน Hatch Dome อาคารจัดแสดงแบบอินเทอร์แอคทีฟรูปทรงโดมอันเป็นเอกลักษณ์แห่งใหม่ที่ตั้งอยู่ในโครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ซึ่งต่อเนื่องจากประสบการณ์ระดับโลกอย่าง Jurassic World: The Experience โดย Hatch Dome ได้รวบรวมหลากหลายประสบการณ์ด้านการเรียนรู้และความบันเทิงไว้ในที่เดียวในรูปแบบ Edutainment ด้านความยั่งยืนแห่งแรกที่ผสานการเรียนรู้ผ่านซากดึกดำบรรพ์ของจริงเข้ากับโลกไดโนเสาร์ จุดประกายความคิดด้านการอนุรักษ์และการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศโลก ประกอบด้วย Jurassic World: The Experience Retail Store ร้านจำหน่ายของที่ระลึกอย่างเป็นทางการของ Jurassic World: The Experience, Better World, Better Future” ประสบการณ์ด้านความยั่งยืนในรูปแบบ Liminal 4ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย Fossil Park” โซนจัดแสดงซากดึกดำบรรพ์และมรดกธรณีวิทยาของไทย Snake Garden” นิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับสัตว์เลื้อยคลานที่ร่วมโลกกับยุคไดโนเสาร์สู่การวิวัฒนาการมาจนถึงปัจจุบัน และ The Gallery Art of Giving, Giving Art Community Project Hatch Dome ร้านค้าวิสาหกิจเพื่อสังคมที่จำหน่ายสินค้าชุมชนคอลเลกชั่นพิเศษเกี่ยวกับไดโนเสาร์ภายใต้คอนเซ็ปต์ From The Earth Before Time อาทิ พวงกุญแจ ถุงผ้า และตุ๊กตาไดโนเสาร์ลายผ้าขาวม้า จากกลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านดงน้อย และชุมชนดีไดโนสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อนำรายได้กลับคืนสู่ชุมชนโดยรอบเครือข่ายพิพิธภัณฑ์สิรินธรจากแหล่งขุดค้นไดโนเสาร์ในประเทศไทย โดย “Fossil Park” จะเปิดให้เข้าชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในวันที่ 8 สิงหาคม 2568 ต่อเนื่องไปกับประสบการณ์ Jurassic World: The Experience ที่โครงการ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon