ยูนิเซฟและสภาพัฒน์ชี้แนวโน้มน่ากังวลด้านการพัฒนาทุนมนุษย์ในประเทศไทย

12

มิติหุ้น – รายงานฉบับใหม่ที่จัดทำโดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ร่วมกับองค์การยูนิเซฟ เผยถึงสถานการณ์การพัฒนาทุนมนุษย์ในประเทศไทยที่ยังน่ากังวล โดยชี้ว่าช่องว่างที่ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่องและโอกาสการพัฒนาที่สูญเสียไป อาจบั่นทอนต่อเป้าหมายทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในระยะยาว

รายงาน “การพัฒนาทุนมนุษย์ในประเทศไทย: การวิเคราะห์ช่องว่าง อุปสรรค และทางเลือกเชิงนโยบาย” ซึ่งจัดทำโดย สศช. ร่วมกับยูนิเซฟ และสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ระบุว่า แม้ประเทศไทยมีความก้าวหน้าอย่างมากในการขยายการเข้าถึงการศึกษาและบริการพื้นฐาน แต่ยังมีเด็กและเยาวชนจำนวนมากที่ยังไม่สามารถพัฒนาทักษะ ความรู้ และสุขภาพที่จำเป็นต่อการเติมเต็มศักยภาพของตนเองได้อย่างเต็มที่

ในการประชุมเผยแพร่รายงานฉบับนี้ ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ โดยความร่วมมือระหว่าง สศช. ยูนิเซฟ และสหภาพยุโรป นาง คยองซอน คิม ผู้อำนวยการองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการลงทุนในเด็กและเยาวชน โดยกล่าวว่า “ประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญในการรับมือกับความท้าทายระยะยาวจากจำนวนประชากรที่ลดลงและการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็มีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนจากการมีชีวิตที่ยืนยาวอย่างมีคุณภาพ และประโยชน์จาก ”เศรษฐกิจสูงวัย” อย่างเต็มที่ ซึ่งเป้าหมายความท้าทายเหล่านี้นี้ควรต้องสอดคล้องกับการลงทุนในประชากร โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนอย่างจริงจัง”

รายงานระบุว่า ภาวะทุพโภชนาการยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญต่อพัฒนาการของเด็กเล็กในประเทศไทย โดยพบว่าภาวะทุพโภชนาการทุกรูปแบบ ทั้งภาวะเตี้ยแคระแกร็น ผอมแห้ง และน้ำหนักเกิน ยังคงอยู่ในระดับที่น่ากังวล ขณะเดียวกัน มีเด็กอายุ 2–5 ปี เพียง 3 ใน 4 คนเท่านั้นที่มีพัฒนาการสมวัย โดยเด็กจากครอบครัวยากจน เด็กที่ไม่ได้เข้าเรียนในระดับปฐมวัย และเด็กที่เข้าไม่ถึงสวัสดิการเพื่อการเลี้ยงดูเด็กเล็ก มักเผชิญความเสี่ยงมากกว่ากลุ่มอื่น

แม้เด็กวัยเรียนในประเทศไทยเกือบทั้งหมดจะสามารถเข้าถึงการศึกษาภาคบังคับได้แล้ว แต่คุณภาพการศึกษายังคงเป็นปัญหาสำคัญ โดยมีนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 เพียงร้อยละ 42 เท่านั้นที่มีทักษะพื้นฐานด้านการอ่านและการคำนวณอย่างเหมาะสมตามช่วงวัย ขณะที่ผลการประเมิน PISA (โปรแกรมประเมินสมรรถนะนักเรียนมาตรฐานสากล) ปี 2565 ยังสะท้อนให้เห็นถึงผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่อยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่องในวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และการอ่าน โดยเด็กที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชนบท เด็กที่ไม่ได้ใช้ภาษาไทยเป็นภาษาหลัก และเด็กจากครัวเรือนยากจนที่สุด มักเผชิญอุปสรรคในการเรียนรู้มากกว่ากลุ่มอื่น

ปัญหาเหล่านี้ยังส่งผลต่อเนื่องไปถึงช่วงวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ แม้เยาวชนส่วนใหญ่จะจบการศึกษาภาคบังคับ แต่ยังมีเด็กและเยาวชนจำนวนมากที่ไม่ได้เรียนต่อในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยในกลุ่มประชากรไทยอายุ 25–34 ปี มีเพียงร้อยละ 59 เท่านั้นที่สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมปลาย โดยกลุ่มที่มีแนวโน้มหลุดออกจากระบบการศึกษาสูง ได้แก่ เยาวชนชาย เยาวชนที่มีความพิการ และเยาวชนจากครัวเรือนยากจนหรือไม่ได้พูดภาษาไทย

สถานการณ์ของคนวัยทำงานก็น่ากังวลไม่แพ้กัน โดยผู้มีงานทำเพียงร้อยละ 3 เท่านั้นที่เคยได้รับการฝึกอบรมเพิ่มเติมหลังจากจบการศึกษา ขณะเดียวกัน มีเพียงร้อยละ 12 ที่แสดงความสนใจต้องการเข้ารับการฝึกอบรม และแม้แต่ในกลุ่มที่ได้รับการฝึกอบรมแล้ว ก็มีเพียงร้อยละ 39 ที่สามารถหางานทำได้หลังจบหลักสูตร

รายงานยังชี้ให้เห็นถึงความไม่สอดคล้องระหว่างวุฒิการศึกษากับความต้องการของตลาดแรงงาน โดยแรงงานมากกว่าครึ่งทำงานไม่ตรงสาย ส่งผลให้ศักยภาพของแรงงานไม่ได้ถูกใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ และกระทบต่อผลิตภาพโดยรวม ขณะเดียวกัน เยาวชนอายุ 15–24 ปี ราวร้อยละ 12.5 ไม่ได้อยู่ในการทำงาน การศึกษา หรือการฝึกอบรม (NEET) โดยเยาวชนจากครอบครัวยากจนและเยาวชนที่มีความพิการ มักได้รับผลกระทบมากเป็นพิเศษ

รายงานยังระบุถึงปัจจัยสำคัญที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาทุนมนุษย์ในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนทางสังคมที่ยังจำกัดสำหรับครอบครัวยากจน การดูแลที่ไม่เพียงพอสำหรับกลุ่มเปราะบาง เช่น คนพิการและกลุ่มที่ไม่ใช้ภาษาไทยเป็นภาษาหลัก การจัดสรรทรัพยากรด้านการศึกษาที่ขาดประสิทธิภาพ ความไม่สอดคล้องกันระหว่างระบบการศึกษา การฝึกทักษะ และความต้องการของตลาดแรงงาน รวมถึงอุปสรรคทางจิตสังคม เช่น การขาดแรงจูงใจ ปัญหาสุขภาพจิต และการขาดสภาพแวดล้อมที่เกื้อหนุนต่อการเรียนรู้

นายดนุชา  พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวในงานเปิดตัวรายงานว่า “การลงทุนพัฒนาทุนมนุษย์อย่างเป็นระบบ มิใช่เป็นเพียงการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว หากแต่เป็นการลงทุนที่สาคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน”

ด้าน ฯพณฯ นายเดวิด เดลี เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย กล่าวในงานด้วยว่า “การลงทุนในทุนมนุษย์ไม่ใช่แค่เรื่องสำคัญเท่านั้น แต่เป็นสิ่งจำเป็นต่อการขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน การลดความเหลื่อมล้ำ และการเสริมสร้างความสามารถในการรับมือกับวิกฤตในอนาคต”

รายงานยังเสนอข้อแนะเชิงนโยบายที่สำคัญหลายประการ อาทิ การขยายระบบคุ้มครองทางสังคมให้ครอบคลุมและเท่าเทียมมากยิ่งขึ้น การออกแบบระบบการศึกษาและการฝึกอบรมให้ตอบสนองต่อความต้องการของผู้เรียนที่หลากหลาย การปฏิรูปการจัดสรรทรัพยากรเพื่อส่งเสริมความเสมอภาคและประสิทธิภาพ การปรับหลักสูตรการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน และการเพิ่มการลงทุนด้านสุขภาพจิตและสุขภาวะของผู้เรียน

“รายงานฉบับนี้นำเสนอข้อมูลและแนวทางแก้ไขที่ชัดเจน สิ่งที่ประเทศไทยต้องการในตอนนี้ คือการขับเคลื่อนนโยบายที่ครอบคลุมและตรงประเด็น  โดยให้เด็กและเยาวชนเป็นหัวใจของการพัฒนา” นางคิมกล่าว

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon