ไปรษณีย์ไทยร่วมเฉลิมฉลอง 50 ปี ความสัมพันธ์ไทย – จีน เดินหน้าจัดใหญ่ ถ่ายทอดมิตรภาพผ่านเส้นทางไปรษณีย์ “จดหมายแห่งมิตรภาพ – From Bangkok to Beijing” งานแสดงตราไปรษณียากรภาคพื้นเอเชีย 2568

21

 

มิติหุ้น – กรุงเทพฯ 31 กรกฎาคม 2568บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เผยภาพรวมตัวเลขการขนส่งพัสดุจากไทยไปจีนในช่วงปีที่ผ่านมามีปริมาณเพิ่มขึ้นกว่า 3% โดยในปี 2568 ไปรษณีย์ไทยยังมีแผนเชื่อมโยง สนับสนุนเศรษฐกิจทั้ง 2 ประเทศ ผ่านการให้บริการขนส่งสิ่งของสำหรับลูกค้ากลุ่ม B2B และกลุ่ม B2C และในวาระครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ไทย – จีน ได้ร่วมกับสมาคมนักสะสมตราไปรษณียากรแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ จัดงานแสดงตราไปรษณียากรภาคพื้นเอเชีย 2568 “จดหมายแห่งมิตรภาพ – From Bangkok to Beijing” ถ่ายทอดเรื่องราวความสัมพันธ์ไทย – จีน ผ่านนิทรรศการแสตมป์ จดหมาย และกิจกรรมเชิงวัฒนธรรมร่วมสมัย จัดแสดงแสตมป์หายากจากทั่วทั้งเอเชีย ระหว่างวันที่ 8 – 12 สิงหาคม 2568 นี้ ณ ไปรษณีย์กลาง บางรัก

ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ที่ผ่านมาความร่วมมือด้านการติดต่อสื่อสารและการเชื่อมเศรษฐกิจระหว่างไทย – จีนผ่านเส้นทางไปรษณีย์ถือเป็นกลไกสำคัญช่วยขับเคลื่อนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งในมิติเศรษฐกิจ ประชาชน ภาคธุรกิจ และกลุ่มผู้ประกอบการ โดยในช่วงปีที่ผ่านมาการขนส่งพัสดุจากไทยไปจีนเติบโตเฉลี่ยกว่า 3% สะท้อนบทบาทของไปรษณีย์ไทยในฐานะโครงสร้างพื้นฐานหลักที่เชื่อมโยงเศรษฐกิจไร้พรมแดนได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยกลุ่มบริการที่ได้รับความนิยมสูงสุด ได้แก่ ไปรษณียภัณฑ์ ส่งด่วนระหว่างประเทศ  EMS World และพัสดุ ทั้งนี้ ระหว่างไทยและจีนมีเส้นทางด้านการขนส่งที่สำคัญได้แก่ ระบบขนส่งทางอากาศ ทางเรือ และทางภาคพื้น โดยทุกเส้นทางล้วนมีศักยภาพในการช่วยเพิ่มความสามารถการแข่งขันให้กับภาคธุรกิจไทยในตลาดจีนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยสิ่งของที่ได้รับความนิยมในการส่งผ่านไปรษณีย์จากไทยไปปลายทางประเทศจีน คือ เอกสาร ของเล่น เสื้อผ้าคอตตอน อาหารเสริม เครื่องรางของขลัง

ไปรษณีย์ไทยตระหนักถึงโอกาสนี้ จึงมีแผนในการพัฒนาการขนส่งทางบกจากต้นทางจีนเพื่อให้บริการสำหรับลูกค้ากลุ่ม B2B และกลุ่ม B2C โดยใช้การขนส่งในช่องทางพาณิชย์ เพื่อช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการในการลดต้นทุนค่าขนส่ง สามารถขนส่งได้ในปริมาณมากขึ้นเมื่อเทียบกับการขนส่งทางอากาศ และยังเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าทั้งต้นทางและปลายทางได้มากขึ้น เช่น มีบริการดำเนินพิธีการภาษีศุลกากรทั้งที่ต้นทางและปลายทาง นอกจากนี้ไปรษณีย์ไทยยังอยู่ระหว่างศึกษาการใช้ประโยชน์จากช่องทางการขนส่งทั้งทางรถและทางราง (Multimodul Transport) ไปปลายทางจีน และพร้อมเป็นจุดกระจายสินค้าเข้าไทย โดยใช้เครือข่ายในประเทศและส่งต่อไปทั่วโลก ทั้งทางอากาศและทางภาคพื้น

          ดร.ดนันท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อตอกย้ำสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างไทยและจีน ไปรษณีย์ไทยจึงร่วมกับสมาคมนักสะสมตราไปรษณียากรแห่งประเทศไทยฯ เตรียมจัดงานแสดงตราไปรษณียากรภาคพื้นเอเชีย 2568 “จดหมายแห่งมิตรภาพ From Bangkok to Beijing” เพื่อแสดงบทบาทของแสตมป์ จดหมาย และระบบสื่อสาร-การขนส่งของไปรษณีย์ในฐานะเครื่องมือทางการทูตเชิงวัฒนธรรมที่มีอิทธิพลต่อความสัมพันธ์ระหว่างคนไทยกับคนจีน ซึ่งกิจกรรมครั้งนี้จะถ่ายทอดเรื่องราวของความทรงจำในรูปแบบของนิทรรศการแสตมป์ จดหมาย และกิจกรรมเชิงวัฒนธรรมร่วมสมัย ช่วยเชื่อมโยงประสบการณ์ไทย–จีน ทั้งงานศิลปะ งานหัตถกรรม งานเขียน ฯลฯ ที่ล้วนสะท้อนคุณค่าในหลากหลายมิติ โดยมุ่งหวังให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสกับพลังของวัฒนธรรมเชิงสื่อสาร ที่เชื่อมโยงระหว่าง Soft Power กับเส้นทางเศรษฐกิจ และเปิดมุมใหม่ให้เห็นว่า “ไปรษณีย์ไทย” ยังเป็นจุดเชื่อมสำคัญของภูมิภาคในยุคเศรษฐกิจไร้พรมแดน

ทั้งนี้ ภายในงานมีไฮไลต์ที่สำคัญ อาทิ นิทรรศการพรรณไม้พระนาม “คำหยาดศรีสิรินธร”  นิทรรศการภาพตราไปรษณียากรภาพฝีพระหัตถ์ นิทรรศการ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูต ไทย – จีน การเดินทางของโพยก๊วน  คอลเลคชันแสตมป์จากประเทศจีน ที่ทำการไปรษณีย์สยามนอกเขตประเทศไทย การแสดงจากศิลปิน  Meet&Greet และมินิคอนเสิร์ตศิลปินชื่อดัง ไม่ว่าจะเป็น โอ๊ต ภาสกร เก่ง-น้ำปิง และนุนิว
พร้อมมินิคอนเสิร์ตจาก SERIOUS BACON การแสดงบนเวทีเชิงวัฒนธรรมไม่ว่าจะเป็น งิ้วเปลี่ยนหน้ากาก
ลำตัดแม่ศรีนวล กิจกรรม Workshop ตลาดแห่งมิตรภาพที่รวมร้านเด็ด ของอร่อยจาก 2 วัฒนธรรม
ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8 – 12 สิงหาคม 2568 นี้ ณ ไปรษณีย์กลาง บางรัก

นายชาญชัย กรรณสูต นายกสมาคมนักสะสมตราไปรษณียากรแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ กล่าวว่า ในวาระครบรอบ 50 ปีของสมาคมนักสะสมตราไปรษณียากรแห่งประเทศไทยฯ ได้ร่วมกับไปรษณีย์ไทยจัดงานแสดงตราไปรษณียากรภาคพื้นเอเชีย พ.ศ. 2568 (THAILAND 2025 Asian International Stamp Exhibition) ถือเป็นจุดหมายสำคัญของประเทศไทย ในฐานะเจ้าภาพเวทีการประกวดและแสดงแสตมป์ระดับนานาชาติครั้งยิ่งใหญ่ โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 27 ประเทศ จัดแสดงแสตมป์หายากและมีผลงานเข้าร่วมกว่า 1,200 เฟรม โดยเป็นการยืนยันถึงศักยภาพของไทยในฐานะศูนย์กลางด้านวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ไปรษณีย์ในภูมิภาคเอเชีย อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับภูมิภาค

“ภายในงานจะมีการนำเสนอนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ “ด้วยพระเมตตาแห่งองค์อุปถัมภ์” จัดแสดงภาพตราไปรษณียากรภาพฝีพระหัตถ์ พระราชกรณียกิจด้านการสะสม ภาพถ่ายหรือวีดีทัศน์พระราชดํารัสเกี่ยวกับตราไปรษณียากร พระราชดํารัสที่กล่าวไว้ในอดีตเกี่ยวกับการสะสม นิทรรศการ 50 ปี สมาคมนักสะสมตราไปรษณียากรแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ตั้งแต่ยุคบุกเบิกก่อตั้งสมาคมจนถึงปัจจุบัน สิ่งแสดงเกียรติยศจากสมาชิก FIAP (Grand Prix Club) และคอลเลคชันแสตมป์จากประเทศจีน นิทรรศการสิ่งแสดงเกียรติยศจากสมาชิกที่เคยได้รับรางวัลกรังด์ปรีซ์มาแล้ว ซึ่งเป็นผลงานที่ทรงคุณค่าและหายากมาก คอลเลคชันประวัติศาสตร์ที่ทำการไปรษณีย์มองโกเลีย ค.ศ. 1854 – 1921 ส่งตรงจากประเทศจีน ซึ่งเป็น คอลเลคชันระดับคลาสสิกที่เคย ได้รับรางวัลใหญ่ระดับนานาชาติมาแล้วหลายครั้ง นอกจากนี้ยังมีการออกร้านจําหน่ายตราไปรษณียากรเอกชน และร้านการไปรษณีย์ต่างประเทศอีกด้วย”

ศาสตราจารย์ ดร.สิทธิพล เครือรัฐติกาล อาจารย์ประจำวิทยาลัยสหวิทยาการ และประธานสภาอาจารย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ความเห็นว่า พัฒนาการของมิตรภาพระหว่างไทย-จีนไม่ได้จำกัดอยู่เพียงในมิติทางเศรษฐกิจหรือการเมือง หากแต่ค่อย ๆ ถักทอสู่การเป็น “หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์” ที่เติบโตไปพร้อมกัน และความเจริญก้าวหน้าของจีนในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ได้ส่งอิทธิพลต่อการพัฒนาของไทยอย่างแยกไม่ออก ไทยจึงจำเป็นต้องเรียนรู้ ปรับตัว และแสวงหาจุดร่วมกับจีนอย่างสร้างสรรค์ เพื่อประโยชน์ร่วมกันอย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม หัวใจสำคัญของความสัมพันธ์คือความเข้าใจซึ่งกันและกัน การสร้างบทสนทนาทางวัฒนธรรมที่จริงใจจึงเป็นพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และในจุดนี้หน่วยงานอย่างไปรษณีย์ไทย พร้อมทำหน้าที่เป็น “ทูตวัฒนธรรม” โดยอ้อมมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านตราไปรษณียากร ที่บันทึกเรื่องราว และภาพจำร่วมกันระหว่างไทย-จีน ส่งเสริมและร้อยเรียงความเข้าใจของทั้งสองประเทศ ได้อย่างแนบเนียน

“การสร้างความเข้าใจระหว่างกันคือรากฐานที่ยั่งยืนของมิตรภาพระหว่างชาติ หากสามารถพัฒนา
ให้ทั้งสองประเทศรู้จักกันอย่าง “รู้ใจ” ก็จะนำไปสู่ความร่วมมือที่แน่นแฟ้น สามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของโลกได้อย่างแข็งแรง และช่วยกันประคับประคองความสัมพันธ์ระหว่างประเทศให้มั่นคงยิ่งขึ้นในระยะยาว โดยทุกภาคส่วนล้วนมีบทบาท แม้แต่กระทั่งดวงแสตมป์เล็ก ๆ บนซองจดหมายก็มีพลังในการเชื่อมโยงหัวใจคนจากสองแผ่นดินได้อย่างทรงคุณค่าและงดงาม”

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon