ก้าวล้ำโลก! ครั้งแรกของไทย “จุฬาฯ” โชว์ศักยภาพ นวัตกรรมยารักษามะเร็งใหม่ “อเมริกา” ขอเซ็นสัญญาถ่ายทอดเทคโนโลยี ในงาน CU Innovation & IP Expo 2025

17

มิติหุ้น – ในยุคที่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรม (Innovation-based Economy) มีบทบาทสำคัญในการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะสถาบันการศึกษาชั้นนำของประเทศให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมและพัฒนาผลงานของคณาจารย์ นักวิจัย นิสิต และนวัตกร ให้สามารถต่อยอดจากห้องปฏิบัติการไปสู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ได้อย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลงานที่ได้รับการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Property: IP) ซึ่งแสดงถึงศักยภาพในการแข่งขันและพร้อมเข้าสู่กระบวนการถ่ายทอดเทคโนโลยี การลงทุน หรือการใช้งานในระดับสาธารณะอย่างมีประสิทธิภาพ

เพื่อเป็นเวทีในการประชาสัมพันธ์ผลงานเหล่านี้สู่สาธารณชน และเสริมสร้างโอกาสในการจับคู่ความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างเจ้าของผลงานกับภาคเอกชน นักลงทุนและพันธมิตรในระบบนิเวศนวัตกรรม ศูนย์นวัตกรรมแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (CU Innovation Hub) จึงจัด “งาน CU Innovation & IP Expo 2025 นำเสนอผลงานที่ได้รับการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาจากคณาจารย์ นักวิจัย นิสิต นวัตกร และผู้ประกอบการภายใต้ระบบนิเวศนวัตกรรมของมหาวิทยาลัย เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ แรงบันดาลใจ และการสร้างเครือข่ายระหว่างมหาวิทยาลัยกับภาคส่วนต่างๆ อันเป็นกลไกสำคัญขับเคลื่อนจากผลงานวิชาการสู่การใช้ประโยชน์จริง โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นประธานเปิดงาน เมื่อวันจันทร์ที่ 4 สิงหาคม 2568 ณ พารากอน ฮออล์  ศูนย์การค้าสยามพารากอน

ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า “งาน CU Innovation & IP Expo 2025 ไม่ใช่งานนิทรรศการจัดแสดงงานทางด้านนวัตกรรม แต่เป็นการรวบรวมนวัตกรรมที่ก้าวล้ำมาอยู่ที่นี่ เป็นงานกระตุ้นให้คนไทยหันมาเห็นความสำคัญว่าเรามีงานวิจัยระดับโลก ขณะเดียวกันเราอยากให้นักลงทุน ผู้ประกอบการได้เห็นศักยภาพของไทยเพื่อ 1. สร้างแรงบันดาลใจให้เชื่อมั่นว่าเราทำได้ 2. เป็นเวทีของการหาพันธมิตรร่วมกันทำงาน นอกจากนี้ยังได้สิทธิพิเศษอื่นๆ เช่น ลดหย่อนภาษีสูงสุด 300% ได้รับยกเว้นภาษีรายได้จากการใช้สิทธิทรัพย์สินทางปัญญา และยังได้ร่วมมือต่อยอดกับทีมวิจัยจุฬาฯ นี่คือบทบาทของมหาวิทยาลัยที่เปลี่ยนไป เราไม่ได้แค่สอนหนังสือ เราไม่ได้ผลิตงานวิจัยเพื่อใช้ในเชิงวิชาการ แต่ผลิตงานวิจัยเพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น”

ภายในงานประกอบด้วยกิจกรรมในลักษณะหลากหลาย อาทิ การจัดแสดงผลงานนวัตกรรม การประกวดผลงานทรัพย์สินทางปัญญาที่ได้รับความสนใจมากที่สุด การสัมมนาทางวิชาการในประเด็นทรัพย์สินทางปัญญาและนวัตกรรม และกิจกรรมเจรจาความร่วมมือกับภาคธุรกิจเพื่อการอนุญาตให้ใช้สิทธิ (Licensing) และการร่วมลงทุน (Joint Venture) ซึ่งล้วนเป็นกลไกที่เอื้อต่อการต่อยอดผลงานให้เกิดการใช้ประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างแท้จริง

ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ กล่าวต่อว่า งานครั้งนี้เป็นงานใหญ่ที่สุดงานหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่งานระดับประเทศ แต่เป็นงานระดับโลก เรามีงานอินโนเวชันโปรดักส์ทั้งหมด 50 ผลงาน คัดสรรจาก 5 กลุ่มอุตสาหกรรมที่จะสร้างอิมแพ็คให้กับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศมากที่สุด

ที่เป็นไฮไลท์ของงานคือ “ยาแอนติบอดีแบบใหม่ต่อ PD-1 สำหรับใช้ในการรักษาโรคมะเร็งแบบภูมิคุ้มกันบำบัด” ผลงานวิจัยของ อ.นพ.ไตรรักษ์ พิสิษฐ์กุล นักวิจัยจากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และรพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย งานวิจัยในกลุ่ม Deep Tech ที่เป็นงานวิจัยแนวหน้าในระดับโลก ซึ่งจะมีการลงนามถ่ายทอดเทคโนโลยีกับ ดร.แอน มารี คาร์โบเนล CEO บริษัท ออนโค่ซินเนอร์ยี่ ประเทศสหรัฐอเมริกา  (OncoSynergy)ภายในงาน CU Innovation & IP Expo 2025

“เราไม่ได้ขายโครงการวิจัย แต่เราขายนวัตกรรมนำเงินมาสู่ประเทศ ฉะนั้น การที่มีบริษัทยาจากสหรัฐอเมริกามาขอซื้อนวัตกรรม แสดงให้เห็นถึง 1. คุณภาพในระดับโลก 2. ความเหนือกว่า เราไม่ได้ก้าวทันโลก แต่เราก้าวล้ำโลก ขณะเดียวกันก็ต้องเข้าถึงในระดับรากหญ้าด้วย คือช่วยเหลือสังคม ช่วยเหลือประชาชนได้จริง” อธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าว

งาน CU Innovation & IP Expo 2025 จึงไม่ใช่งานนิทรรศการ แต่เป็นการสร้าง Research Community หรือ Innovation Community ให้คนในแวดวงธุรกิจเข้ามาพบกัน  เป็นงานที่ให้นวัตกรมาเจอกับผู้ลงทุน ซึ่งมีนักลงทุนและผู้ประกอบการลงทะเบียนเข้าร่วมงานแล้วมากกว่า 200 ราย

รองศาสตราจารย์ เภสัชกรหญิง ดร.จิตติมา ลัคนากุล ผู้อำนวยการศูนย์กลางนวัตกรรมแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวเสริมว่า เป็นครั้งแรกที่มีบริษัทต่างชาติมาขอทำข้อตกลงถ่ายทอดเทคโนโลยี “ยาชีววัตถุโมเลกุลใหม่” ในประเทศไทย

“ยาตัวนี้ไม่ใช่เอาไปฉีดให้คนไข้ได้เลย แต่ OncoSynergy เห็นว่าผลการวิจัยของยาเราในระดับห้องปฏิบัติการมีศักยภาพสูงมาก เพราะเมื่อทำข้อตกลงกันแล้วยังต้องลงทุนทำวิจัยต่อเพื่อเข้าสู่การทดลองในระดับคลินิก คือนำองค์ความรู้ของเขามาทำวิจัยร่วมกับเราด้วย เราได้ทั้งเม็ดเงินจากการทำข้อตกลงเพื่อนำไปต่อยอดงานวิจัย ได้ทั้งโนว์ฮาวจากเขาซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการขึ้นทะเบียนยาใหม่ ฉะนั้น มันคือการเกิด Real Assets Collaborative Project หรือสินทรัพย์จริงอันเกิดจากการทำโครงการร่วมกัน ที่อุตสาหกรรมยาบ้านเราไม่เคยมีมาก่อน”

ทางด้าน อ.ดร.นพ.ไตรรักษ์ พิสิษฐ์กุล หัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาเชิงระบบ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ   กล่าวว่า ปัจจุบันการรักษามะเร็งนอกจากการผ่าตัด ฉายแสง ให้ยาเคมีแล้ว มีการรักษารูปแบบใหม่คือ การใช้ “ภูมิคุ้มกันบำบัด” เพื่อช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายผู้ป่วยทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถทำลายเซลล์มะเร็งที่หลบหลีกภูมิคุ้มกันได้อย่างตรงเป้า ซึ่งเป็นการรักษาที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกอยู่แล้ว แต่คนไทยยังเข้าไม่ถึง ทำให้เสียโอกาส จุฬาฯ จึงทำวิจัยและพัฒนายาเพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาได้ ขณะเดียวกันก็ทำนวัตกรรมควบคู่กันไป

หลักการการทำงานของ “ยาแอนติบอดี” ต้านมะเร็งเป็นกลไกสำคัญ เนื่องจากเซลล์มะเร็งจะมีการสร้างโปรตีนที่ชื่อว่า PD-L1 ซึ่งมีความสามารถในการจับกับโปรตีน PD-1 ที่อยู่บนเม็ดเลือดขาว และเมื่อโปรตีนทั้ง 2 ตัวนี้มาจับคู่กันเมื่อใดจะมีผลให้เม็ดเลือดขาวซึ่งมีหน้าที่ในการฆ่าทำลายสิ่งแปลกปลอมหยุดการทำงาน ทำให้ไม่สามารถกำจัดเซลล์มะเร็งได้ ฉะนั้น ยากลุ่ม “แอนติบอดี” จะเข้าไปขัดขวางการจับกันระหว่างโปรตีน PD-L1 บนเซลล์มะเร็ง กับโปรตีน PD-1 บนเม็ดเลือดขาว ทำให้เม็ดเลือดขาวกลับมาจัดการกับเซลล์มะเร็งได้ตามปกติ

“ยาแอนติบอดีแบบใหม่ต่อ PD-1 สำหรับใช้ในการรักษาโรคมะเร็งแบบภูมิคุ้มกันบำบัด” เป็นโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและภาครัฐ ปัจจุบันผ่านการทดลองในหนูแล้วปรากฏผลเป็นที่น่าพอใจ ทำให้ก้อนมะเร็งยุบตัวได้ดีมาก OncoSynergy บริษัทเอกชนที่พัฒนาภูมิคุ้มกันบำบัดสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งจากประเทศสหรัฐอเมริกาเห็นถึงศักยภาพนี้ จึงติดต่อขอลงนามเซ็นสัญญาการถ่ายทอดเทคโนโลยี เพื่อนำไปพัฒนาต่อยอดร่วมกับยาแอนติบอดีตัวใหม่อีกตัวของเขาให้เกิดเป็นสูตรยาใหม่ในรูปแบบการบำบัดแบบผสมผสาน (combination therapy) คาดว่าจะให้ประสิทธิภาพในการรักษามะเร็งสูงขึ้นมากกว่ายาเดี่ยว ซึ่งต้องใช้เงินลงทุนอีกมาก โดยเราให้การสนับสนุนทางวิชาการ ภายใต้เงื่อนไขว่าเมื่อสำเร็จจนจดทะเบียนเป็นยาตัวใหม่แล้วจะต้องให้ไทยเข้าถึงยาได้ในราคาที่สมเหตุสมผล

การลงนามข้อตกลงถ่ายทอดเทคโนโลยีนวัตกรรม “ยาแอนติบอดีแบบใหม่ต่อ PD-1 สำหรับใช้ในการรักษาโรคมะเร็งแบบภูมิคุ้มกันบำบัด” เป็นยาโมเลกุลใหม่ที่จุฬาฯ พัฒนาขึ้นโดยใช้ทุนวิจัยจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและภาครัฐ ประกอบด้วยสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) และ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ภายใต้ข้อตกลงกับทางสหรัฐอเมริกาว่า เมื่อการวิจัยต่อยอดเป็นผลสำเร็จแล้ว คนไทยจะต้องเข้าถึงได้ในราคาที่สมเหตุสมผล ซึ่งเป็นเป้าหมายของการทำวิจัยเพื่อให้คนไทยเข้าถึงได้และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ตามนโยบายของจุฬาฯ ในการผลักดันงานวิจัยสู่ภายนอก

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon