มิติหุ้น – สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมกับ บริษัท เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย พร้อมด้วยสมาคมการบรรจุภัณฑ์ไทย สมาคมการพิมพ์ไทย และสมาคมบรรจุภัณฑ์กระดาษลูกฟูกไทย โชว์ความพร้อมการจัดงานมหกรรมแสดงสินค้านานาชาติด้านอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์การพิมพ์ครั้งที่ 10 และกระดาษลูกฟูกแห่งภูมิภาคเอเชีย ครั้งที่ 3 (Pack Print International 2025 และ CorruTec Asia 2025) ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-20 กันยายน 2568 ตอกย้ำศักยภาพไทยในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์แห่งอาเซียน พร้อมเตรียมขนทัพไฮไลต์นวัตกรรมล้ำระดับโลก อาทิระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย (Safety & Security) และโซลูชันบรรจุภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน (Sustainability) รวมถึงกลยุทธ์ขับเคลื่อนความยั่งยืนใน 3 ภาคอุตสาหกรรม อาทิ การพิมพ์ดิจิทัลที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ การพัฒนาแพ็กเกจจิ้งอัจฉริยะด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ตลอดจนการยกระดับกล่องลูกฟูกให้กลายเป็นโซลูชันครบวงจรที่มากกว่าการเป็นเพียงกล่องบรรจุสินค้า พร้อมคาดการณ์ปี 2569 มูลค่าการเติบโตสูงขึ้นกว่า 4.7%
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา ภาคอุตสาหกรรมไทยต้องเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน ทั้งการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี ภูมิทัศน์เศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอน สถานการณ์ระหว่างประเทศที่ผันผวน รวมถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตามอุตสาหกรรมไทยยังคงแสดงสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน จากผลิตภัณฑ์มวลรวมภาคอุตสาหกรรม (GDP) ในไตรมาส 1 ของปี 2568 ขยายตัว 0.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า สะท้อนถึงศักยภาพในการปรับตัวและสัญญาณบวกในภาคอุตสาหกรรม ทางสภาอุตสาหกรรมจึงเล็งเห็นถึงโอกาสที่จะเร่งยกระดับขีดความสามารถของภาคอุตสาหกรรมไทยให้สามารถแข่งขันได้บนเวทีโลกมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีในกระบวนการผลิต การเพิ่มมูลค่าด้วยนวัตกรรม การผลักดันมาตรฐานด้านความยั่งยืน ตลอดจนการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
สำหรับอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ การพิมพ์ และบรรจุภัณฑ์กระดาษลูกฟูก ถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนห่วงโซ่การผลิตและการส่งออกของประเทศ ซึ่งมีบทบาทต่อเศรษฐกิจไทยอย่างมีนัยสำคัญ ปัจจุบันภาคธุรกิจเหล่านี้ได้ปรับตัวอย่างต่อเนื่องผ่านการนำนวัตกรรม เทคโนโลยีดิจิทัล และแนวคิด BCG (Bio-Circular-Green Economy) มาเสริมความสามารถในการแข่งขันและสร้างมูลค่าเพิ่ม เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดโลกที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ทั้งนี้จากแนวโน้มดังกล่าวฯ ยังสะท้อนผ่านอัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ของไทยที่เติบโตขึ้นราว 4 – 4.2% คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 350,000 ล้านบาท แบ่งเป็นอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ 60% และอุตสาหกรรมการพิมพ์ 40% โดยคาดว่าในปี 2569 จะขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกกว่า 4.7% ซึ่งถือเป็นจังหวะสำคัญในการยกระดับศักยภาพของภาคอุตสาหกรรมไทยให้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำในเวทีโลกอย่างมั่นคงและยั่งยืน
การสนับสนุนการจัดงานในครั้งนี้สภาอุตสาหกรรม และหน่วยงานพันธมิตรยังมุ่งเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยทุกระดับเข้าถึงตลาดโลก โดยเฉพาะภาคส่วน SME ที่เป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ และหลายธุรกิจจำเป็นต้องพึ่งพากระบวนการทางด้านการพิมพ์ การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพ โดยงานในปีนี้ จึงได้มีการออกแบบพื้นที่กิจกรรมให้รองรับผู้ประกอบการไทยทุกระดับในหลายโซน สะท้อนความตั้งใจของผู้จัดงานในการผลักดันให้ภาคอุตสาหกรรมไทยเติบโตอย่างทั่วถึง พร้อมเปิดประตูสู่เวทีโลก ไม่ใช่เฉพาะผู้ผลิตรายใหญ่ แต่รวมถึงผู้ประกอบการขนาดกลาง ขนาดเล็ก และกลุ่มสร้างสรรค์รุ่นใหม่ที่มีศักยภาพสูง
ด้านนายเกอร์นอท ริงลิ่ง กรรมการผู้จัดการบริษัท เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย กล่าวว่า ผู้บริโภคทั่วโลกหันมาให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากขึ้น เช่นเดียวกับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการพิมพ์ บรรจุภัณฑ์ และกระดาษลูกฟูก ที่เร่งพัฒนาโซลูชันรักษ์โลก ทั้งด้านวัสดุ เทคโนโลยี และการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งกลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตที่แข็งแกร่งในภูมิภาคอาเซียน จึงได้เดินหน้าจัดงานมหกรรมแสดงสินค้านานาชาติด้านอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ การพิมพ์ และบรรจุภัณฑ์กระดาษลูกฟูกแห่งภูมิภาคเอเชีย (Pack Print International 2025 and CorruTec Asia 2025) ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Uncovering Total Solutions for the Packaging and Printing Industries” พร้อมนำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น ระบบพิมพ์อัจฉริยะ โซลูชันดิจิทัล ระบบอัตโนมัติ และ AI โดยมุ่งหวังให้เวทีนี้เป็นพื้นที่แสดงศักยภาพของผู้ประกอบการไทยและต่างชาติในการนำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมล้ำสมัย รวมถึงเป็นเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ พัฒนาความร่วมมือทางธุรกิจ และยกระดับความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยในเวทีโลก ท่ามกลางบริบทโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
“จากความสำเร็จของงานปี 2566 ซึ่งมีผู้เข้าร่วมกว่า 12,000 คนจากทั่วโลก การจัดงานในปี 2568 นี้นับเป็นวาระครบรอบ 10 ปีของงาน Pack Print International และปีที่ 3 ของงาน CorruTec Asia ซึ่งจะมีการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ โดยมีผู้แสดงเทคโนโลยีกว่า 300 บริษัทชั้นนำ จาก 20 ประเทศทั่วโลก อาทิ เยอรมนี สหรัฐอเมริกา จีน มาเลเซียและเวียดนาม ผู้ร่วมงานจะได้พบกับไฮไลต์นวัตกรรมล่าสุดที่ตอบโจทย์เทรนด์โลก ทั้งเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Economy) เทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย (Safety & Security) และบรรจุภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน (Sustainability) พร้อมด้วยโซนใหม่ ๆ อาทิ โซน #GreenZone ที่นำเสนอนวัตกรรมที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านแนวทางการจัดการแบบไร้ขยะ โซลูชันเชิงฟื้นฟูและวัสดุที่เป็นมิตรต่อระบบนิเวศ โซน Pack Print 360° showcase เปิดโอกาสให้ผู้แสดงสินค้าได้พบกับผู้ซื้อรายสำคัญจากอุตสาหกรรมต่าง ๆ ตอกย้ำความก้าวหน้าด้านบรรจุภัณฑ์และการพิมพ์ ทั้งจากบริษัทชั้นนำทั้งไทยและต่างประเทศ โซน One-Stop Consultancy Clinic ที่จัดขึ้นโดยสมาคมการบรรจุภัณฑ์ไทยและสมาคมการพิมพ์ไทย เป็นพื้นที่ให้คำปรึกษาครอบคลุมเรื่องกระบวนการทำงาน การเลือกใช้วัสดุ และการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตจากผู้เชี่ยวชาญโดยไม่มีค่าใช้จ่าย อีกทั้งยังมีการเปิดตัวโซนใหม่ Start-up Showcase เวทีที่เปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพไทยรุ่นใหม่ได้แสดงศักยภาพและแนวคิดด้านนวัตกรรมที่จะพลิกโฉมอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์และการพิมพ์ในอนาคต ทั้งนี้ คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานในปีนี้กว่า 15,000 คน” นายเกอร์นอท กล่าวสรุป
ขณะที่นายพงศ์ธีระ พัฒนพีระเดช นายกสมาคมการพิมพ์แห่งประเทศไทย เผยว่า อุตสาหกรรมการพิมพ์ไทยยังคงเป็นภาคการผลิตที่มีบทบาทสนับสนุนอุตสาหกรรมอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากแรงหนุนของตลาดอีคอมเมิร์ซที่เติบโตควบคู่กับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ แม้สื่อสิ่งพิมพ์จะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล แต่ภาพรวมอุตสาหกรรมการพิมพ์ในประเทศยังมีทิศทางเติบโต โดยมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 350,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.8% ของผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ของประเทศ นอกจากนี้ ยังคาดว่าภาคส่วนของการพิมพ์ดิจิทัลจะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 6.64% ภายในปี 2570 ซึ่งเป็นผลจากการปรับตัวของผู้ประกอบการที่หันมาใช้เทคโนโลยีทันสมัยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ เช่น การพิมพ์ฉลากอัจฉริยะ (Smart Label) รวมถึงการผสานสื่อสิ่งพิมพ์เข้ากับเทคโนโลยีดิจิทัล และให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง
“สิ่งสำคัญอีกประการที่สมาคมการพิมพ์ฯ ให้ความสำคัญ คือการเสริมสร้างองค์ความรู้ผ่านการเปิดพื้นที่ให้แลกเปลี่ยนข้อมูล สร้างเครือข่ายความเชื่อมโยงในภาคอุตสาหกรรมระหว่างกัน เพื่อให้เท่าทันและพร้อมรับมือกับความท้าทายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ขณะเดียวกัน สมาคมการพิมพ์ฯ ยังร่วมผลักดันภาคส่วนธุรกิจขนาดเล็กและกลางให้กลายเป็น SMART enterprise ด้วยการสนับสนุนให้นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการบริหารจัดการ” นายพงศ์ธีระ กล่าวสรุป
นายวิวัฒน์ อุตสาหจิต นายกสมาคมการบรรจุภัณฑ์ไทย ระบุว่า ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยังคงเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดและเติบโตเร็วที่สุดสำหรับบรรจุภัณฑ์ทั่วโลก ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผู้บริโภคอย่างรวดเร็ว และการขยายตัวของประชากรในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ สำหรับอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ไทยยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากแรงหนุนการขยายตัวของภาคธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม การเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ การขยายตัวของฐานการผลิตในประเทศไทย รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีความต้องการด้านบรรจุภัณฑ์ที่สะดวกต่อการใช้งานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำ หรือนำไปรีไซเคิลได้ ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ภาคอุตสาหกรรมเร่งปรับตัวเพื่อตอบสนองต่อความต้องการเหล่านี้ โดยตลอดปี 2568 – 2570 คาดว่าอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ของไทยจะมีการเติบโตต่อปี (CAGR) ราว 5.3% ซึ่งในปี 2568 ประมาณการอยู่ที่ 572,000 ล้านบาท สะท้อนถึงโอกาสและศักยภาพในการเติบโตของตลาดนี้ที่ยังเปิดกว้างและมีความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งในประเทศและตลาดส่งออก
นอกจากนี้ การเติบโตอย่างรวดเร็วของอีคอมเมิร์ซ ซึ่งคาดว่าจะคิดเป็น 23% ของยอดค้าปลีกทั่วโลกภายในปี 2570 ยังได้เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ให้เป็นองค์ประกอบสำคัญในการกำหนดประสบการณ์ของลูกค้าและเอกลักษณ์ของแบรนด์ และการเติบโตนี้ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของปริมาณเท่านั้น แต่ยังรวมถึงพฤติกรรมความต้องการบรรจุภัณฑ์ที่ต้องมีน้ำหนักเบาเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนในการขนส่ง การช่วยปกป้องผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ บรรจุภัณฑ์ยังต้องเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ที่น่าจดจำ ซึ่งเสริมสร้างความผูกพันกับแบรนด์กับผู้บริโภค
“ทั้งนี้ สมาคมการบรรจุภัณฑ์ไทยยังมุ่งมั่นในการเสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือทั้งในและต่างประเทศ เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์แห่งอนาคต ควบคู่กับการส่งเสริมองค์ความรู้ การใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อพัฒนาทั้งผลิตภัณฑ์และบุคลากรให้พร้อมแข่งขันในระดับสากล รวมถึงเตรียมความพร้อมรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ เช่น ความผันผวนของราคาวัตถุดิบ และการแข่งขันจากทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยสำคัญในการยกระดับศักยภาพของผู้ประกอบการไทย และตอกย้ำบทบาทของประเทศไทยในเวทีอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ระดับภูมิภาค” นายวิวัฒน์ กล่าวสรุป
พร้อมกันนี้ นายชาธิป ตั้งกุลไพศาล เลขาธิการสมาคมบรรจุภัณฑ์กระดาษลูกฟูกไทย เผยว่า ในช่วงปีที่ผ่านมา ภาคอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์กระดาษลูกฟูกของไทยยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีการเติบโตอยู่ที่ 2 เท่าของผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ของประเทศไทย มีแรงขับเคลื่อนหลักจากการเติบโตของภาคอีคอมเมิร์ซ และธุรกิจโลจิสติกส์ที่มีบทบาทมากขึ้นในชีวิตประจำวัน ความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ ส่งผลโดยตรงต่อความต้องการบรรจุภัณฑ์ประเภทกล่องพัสดุที่ทั้งแข็งแรง น้ำหนักเบา และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้อุตสาหกรรมนี้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งในมุมของผู้ผลิตและผู้ใช้งาน
“แม้บรรจุภัณฑ์กระดาษลูกฟูกจะเป็นวัสดุพื้นฐานที่มีบทบาทสำคัญในการปกป้องสินค้าและขับเคลื่อนอุตสาหกรรม แต่ในยุคที่การแข่งขันสูง เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว และสถานการณ์โลกผันผวน สมาคมฯ จึงเร่งส่งเสริมและผลักดันผู้ผประกอบการในการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่มาปรับใช้ พร้อมดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับกฎระเบียบและมาตรฐานสากล เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน และยืนหยัดเติบโตอย่างยั่งยืนในตลาดโลก” นายชาธิป กล่าวทิ้งท้าย
พบกับสุดยอดนวัตกรรมล้ำยุคจากผู้ประกอบการชั้นนำระดับโลกมากกว่า 300 บริษัทชั้นนำ จาก 20 ประเทศทั่วโลกในงานมหกรรมแสดงสินค้านานาชาติด้านอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์การพิมพ์ครั้งที่ 10 และกระดาษลูกฟูกแห่งภูมิภาคเอเชีย ครั้งที่ 3 (Pack Print International 2025 และ CorruTec Asia 2025) จัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-20 กันยายน 2568 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานล่วงหน้าได้ทาง https://www.pack-print.de และ www.corrutec-asia.com
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon