CGSI : Investment Strategy

19

มิติหุ้น – Investment Strategy
• สรุปภาพรวมตลาด ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี (7 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขายทำกำไรหลัง ดัชนีพุ่งขึ้นในช่วงก่อนหน้า และ ถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้น Eli Lilly ซึ่งเป็นบริษัทยารายใหญ่ หลังจากผลการทดลองยาลดน้ำหนักของบริษัทออกมาน่าผิดหวัง

ในทางกลับกัน ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นรายวันมากที่สุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์ในวันพฤหัสบดี (7 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มการเงิน ขณะที่นักลงทุนประเมินผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่หลากหลาย, มาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และ ความเป็นไปได้ที่จะมีความคืบหน้าในการยุติความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน

โดย ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 546.05 จุด เพิ่มขึ้น 4.98 จุด หรือ +0.92% ในขณะที่ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 43,968.64 จุด ลดลง 224.48 จุด หรือ -0.51%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,340.00 จุด ลดลง 5.06 จุด หรือ -0.08% และ ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 21,242.70 จุด เพิ่มขึ้น 73.27 จุด หรือ +0.35%

• สรุปภาพรวมสินทรัพย์อื่นๆ ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 46 เซนต์ หรือ 0.69% ปิดที่ 66.43 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังทำเนียบเครมลินประกาศว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย จะพบปะกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่งทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าการดำเนินการทางการทูตเช่นนี้อาจจะทำให้สงครามในยูเครนยุติลง

ในขณะที่ สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (7 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากมาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เริ่มมีผลบังคับใช้ นอกจากนี้ การเปิดเผยข้อมูลแรงงานล่าสุดของสหรัฐฯ ยังเป็นปัจจัยสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 20.3 ดอลลาร์ หรือ 0.59% ปิดที่ 3,453.70 ดอลลาร์/ออนซ์

• SET Index : เราคาดกรอบ SET Index วันนี้ ณ ระดับ 1,260-1,275 จุด โดยเรามองว่า SET Index ในวันนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ตามรายงานผลประกอบการ 2Q25 ที่โดยรวมแข็งแกร่ง และ การประชุมนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ที่ออกมาเป็นโทนบวก และ เรามองว่าดัชนีจะยังได้รับปัจจัยหนุนจากกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าที่ตลาด Emerging market ต่อจากการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ จากคาดการณ์การลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) และตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่อ่อนแอ

อย่างไรก็ดี เรายังคงคำแนะนำทยอยขายทำกำไรที่ดัชนีบริเวณ 1,270 จุด เพื่อลดความเสี่ยงเนื่องจากเป็นแนวต้านสำคัญ และ จากการประเมินมูลค่าดัชนีที่ระดับดังกล่าว เรามองว่าดัชนีเริ่มมี valuation ที่ตึงตัวมากขึ้น

หุ้นแนะนำ
TIDLOR: กำไรสุทธิของ TIDLOR เพิ่มขึ้น 18.8% จากปีก่อน และ 6.4% จากไตรมาสก่อน เป็น 1.3 พันล้านบาท ในไตรมาส 2 2568 โดย ฝ่ายบริหารมั่นใจว่าต้นทุนทางเครดิตสำหรับปีงบประมาณ 2568 น่าจะต่ำกว่า 300bp เราปรับเพิ่มกำไรต่อหุ้น (EPS) ปีงบประมาณ 2568-2560 ขึ้น 10.2-13.7%

(Take profit : 18.60 / Stop loss : 18.00)

ADVANC: กำไรสุทธิไตรมาส 2 อยู่ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท สอดคล้องกับประมาณการของเรา โดย กำไรสุทธิครึ่งปีแรกคิดเป็น 54% ของประมาณการกำไรสุทธิปีงบประมาณ 2568 ของเรา เอไอเอสปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2568 โดยคาดการณ์ว่ารายได้จากบริการหลักจะเติบโต 4-6% และ EBITDA จะเติบโต 4-6%

(Take profit : 302.00 / Stop loss : 296.00)

#CGSInternational
#CGSI

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon