ส.อ.ท. จับมือ สมาคมธนาคารไทย ดัน Transition Finance เฟสแรก 5,000 ล้าน หนุนอุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำ

36

มิติหุ้น – สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ร่วมกับสมาคมธนาคารไทย แถลงข่าวความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านของประเทศไทยสู่อุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำ อย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการจัดตั้งกลไก สินเชื่อเพื่อการเปลี่ยนผ่าน (Transition Finance) เฟสแรกมูลค่ารวม กว่า 5,000 ล้านบาท ณ ห้องประชุม 802 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

ความร่วมมือครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างศักยภาพให้ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะธุรกิจขนาด กลางและขนาดย่อม (SMEs) สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อการลงทุนในโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสะอาดและการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และปรับตัวให้พร้อมรับมือกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นความท้าทายเชิงระบบที่ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตของประชาชน

ภาคอุตสาหกรรมซึ่งเป็นหนึ่งในภาคส่วนหลักที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง จะได้รับการสนับสนุนใน 2 มิติหลัก ได้แก่

1. การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Mitigation) ผ่านการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด การปรับเปลี่ยนเครื่องจักรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การลงทุนในพลังงานหมุนเวียน และการใช้ เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดของเสีย

2. การปรับตัวเพื่อรับมือ (Adaptation) เช่น การออกแบบระบบการผลิตและโลจิสติกส์ให้มีความยืดหยุ่น และทนทานต่อภัยพิบัติ การจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน และการพัฒนาโครงการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม เช่น การปลูกต้นไม้และกิจกรรมคาร์บอนเครดิต

Transition Finance ภายใต้ความร่วมมือนี้จะไม่ใช่เพียงแค่แหล่งเงินทุนทั่วไป แต่ยังครอบคลุมถึงการให้ คำปรึกษา การประเมินความเหมาะสมของโครงการ ตลอดจนการเชื่อมโยงกับกลไกตลาดคาร์บอนเครดิตและ มาตรฐานสากล เพื่อสร้างความโปร่งใสและประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้เงินทุน

นายประกอบ เพียรเจริญ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจ ขนาดใหญ่ และวาณิชธนกิจ บมจ. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ผู้แทนสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า “บทบาท ของสถาบันการเงินในวันนี้เปลี่ยนไปจากเดิมที่เป็นเพียงผู้ให้สินเชื่อ แต่ต้องเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญในการสร้าง เศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างยั่งยืน โดยธนาคารพาณิชย์ได้ร่วมกันออกแบบผลิตภัณฑ์ สินเชื่อเพื่อความยั่งยืน ซึ่งจะถูกส่งต่อไปยังผู้ประกอบการที่มีศักยภาพผ่านช่องทางของสภาอุตสาหกรรมแห่ง ประเทศไทย โดยมีเป้าหมายวงเงินสินเชื่อในเฟสแรก รวมไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท

ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรม สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อพัฒนาโครงการที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ บนพื้นฐานของความรับผิดชอบต่อโลกและสังคม เราเชื่อว่าการลงทุนในวันนี้จะ ช่วยลดความเสี่ยงในอนาคตและสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจไทยได้อย่างแท้จริง”

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า “ความท้า ทายด้านสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคอุตสาหกรรมไทย ความ ร่วมมือครั้งนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SMEs สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนสีเขียวได้ง่ายขึ้น เพื่อลงทุน ในเทคโนโลยีสะอาดและระบบการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับ นโยบาย 4 GO ของ ส.อ.ท. โดยเฉพาะ GO Green ที่มุ่งขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมไทยสู่การผลิตที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ใช้ ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และรักษาสมดุลสิ่งแวดล้อม นอกจากจะช่วยลดต้นทุนระยะยาว ยังเป็นการ ยกระดับศักยภาพการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยในตลาดโลก ที่ให้ความสำคัญกับมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม และความยั่งยืนมากขึ้น ผมเชื่อว่าความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการเปลี่ยนผ่านภาคอุตสาหกรรม ไทยสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำอย่างเป็นรูปธรรม”

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานสถาบันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สภาอุตสาหกรรม แห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า “ประเทศไทยปล่อยก๊าซเรือนกระจกประมาณ 350 ล้านตัน คาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี โดยภาคพลังงานและอุตสาหกรรมรวมกันมีสัดส่วนมากกว่า 75% แม้จะคิด เป็นเพียงไม่ถึง 1% ของการปล่อยทั่วโลก แต่หากเราสามารถเปลี่ยนความท้าทายด้านสภาพภูมิอากาศให้เป็น โอกาสในการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน ก็จะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระยะยาว

ในขณะเดียวกัน เรากำลังเผชิญแรงกดดันจากมาตรการสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ เช่น มาตรการปรับ ราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป หรือ CBAM ของสหภาพยุโรป ซึ่งกระทบการส่งออกสินค้า มูลค่ากว่า 3 แสนล้านบาทต่อปี แม้สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์จะทำให้บางอย่างล่าช้า แต่สุดท้ายมาตรการเหล่านี้ จะถูกบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบ ดังนั้น การเตรียมความพร้อมล่วงหน้าจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพราะการเปลี่ยนผ่านต้อง ใช้เวลา ทั้งนี้ หลายประเทศได้พัฒนากลไกสนับสนุน Transition Finance ที่ตอบโจทย์บริบทของตน เช่น ญี่ปุ่นมี แนวทาง Basic Guidelines on Climate Transition Finance สำหรับอุตสาหกรรมที่ยังใช้พลังงานดั้งเดิมแต่มีแผน ลดคาร์บอนในระยะยาว สหภาพยุโรปมี EU Green Taxonomy ควบคู่ Just Transition Mechanism และสิงคโปร์ มี Green and Sustainability-Linked Loan Grant Scheme เพื่อเร่งการเข้าถึงสินเชื่อของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ SMEs

สำหรับประเทศไทย ความท้าทายสำคัญ คือ การขาดข้อมูลและการสนับสนุนทางเทคนิคที่เป็นระบบ ส่วน หนึ่งของภารกิจของสถาบันฯ คือ การสนับสนุนผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SMEs ให้เข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้อง พัฒนา บัญชีคาร์บอน และปรับกระบวนการผลิตให้สอดคล้องกับเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็น ศูนย์ (Net Zero) และในวันนี้ เราได้ก้าวไปอีกขั้น ด้วยการทำหน้าที่เป็นกลไกกลางในการเชื่อมโยง ภาคอุตสาหกรรมกับภาคการเงิน จัดหา Transition Finance และร่วมสนับสนุนการให้ข้อมูล บริการให้คำปรึกษา เพื่อขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมไทยสู่ความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม”

ความร่วมมือนี้นับเป็นต้นแบบของการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาคการเงินและ ภาคอุตสาหกรรม เพื่อเดินหน้าประเทศไทยสู่เป้าหมายการเป็นเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำที่มีความมั่นคงและ แข่งขันได้ในระดับสากล

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon