มิติหุ้น – ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 463 จุด (+1%) ปัจจัยหนุนยังมาจากความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะลดดอกเบี้ย ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 0.7% หลังจากรายงานสต็อกน้ำมันดิบมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
เมื่อวานที่ผ่านมาที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินมีมติเอกฉันท์ลดดอกเบี้ย 0.25% มาอยู่ที่ 1.5% โดยเศรษฐกิจไทยขยายตัวใกล้เคียงกับที่คณะกรรมการประเมินไว้ อย่างไรก็ตามภาษีของสหรัฐฯจะซ้ำเติมปัญหาเชิงโครงสร้างและขีดความสามารถในการแข่งขันรวมถึงเศรษฐกิจบางส่วนที่มีความเปราะบางมากขึ้นโดยเฉพาะ SME ด้านอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มอยู่ระดับต่ำจากปัจจัยด้านอุปทาน คณะกรรมการเห็นว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลายจะช่วยให้ภาคธุรกิจมีการปรับตัว เมื่อมองไปข้างหน้าเศรษฐกิจไทยครึ่งหลังมีแนวโน้มชะลอลงจากครึ่งแรกจากผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ประกอบกับจำนวนนักท่องเที่ยวกลุ่มระยะใกล้ลดลงจากการแข่งขันที่รุนแรงในภูมิภาคซึ่งท้ายที่สุดอาจกระทบกับการบริโภค ด้านสินเชื่อหดตัวต่อเนื่องโดยเฉพาะใน SME และครัวเรือนกลุ่มรายได้ต่ำ
เรามองปัจจัยข้างต้นจะสร้างแรงกดดันกับตลาดหุ้นในช่วงถัดไปรวมถึงกลุ่มอิงการบริโภค แม้การลดดอกเบี้ยของคณะกรรมการอาจเป็นปัจจัยกดดันกลุ่มธนาคารพาณิชย์ แต่หากไปดูผลประกอบการกลุ่ม BANK จะพบว่าส่วนต่างดอกเบี้ยอาจปรับลง (NIM) แต่ธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่มีรายได้มิใช่ดอกเบี้ยที่ขยายตัวทำให้ท้ายที่สุดกำไรกลุ่มธนาคารพาณิชย์กลับขยายตัว การลดดอกเบี้ยจึงมิได้กระทบกลุ่ม Bank อย่างมีนัยยะ การลดดอกเบี้ยเป็นปัจจัยเชิงบวกต่อกลุ่มที่มีต้นทุนเป็นดอกเบี้ย อาทิ การเงิน และ อสังหาฯ สำหรับสหรัฐฯเมื่อคืนไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ แต่นักลงทุนยังมองบวกกับการลดดอกเบี้ยของ FED ทำให้ US Bond Yield ยังคงปรับลงพร้อมกับ Dollar Index
ดังนั้นกระแสเงินทุนต่างชาติยังมีแนวโน้มไหลเข้าสุทธิหุ้นไทย แม้วานนี้จะมีสถานะขายสุทธิราว 6.6 พันล้านบาทแต่เป็นไปได้ว่ามาจาก TIDLOR หากหักออกไปจะกลายเป็นสถานะซื้อสุทธิราว 1.4 พันล้านบาท
วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1270 – 1285 แม้มีปัจจัยหนุนจากกระแสเงินทุนต่างชาติและการลดดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทยแต่วานนี้ที่ปรับขึ้นมาราว 1.46% ทำให้ตลาดมีแนวโน้มลดความร้อนแรงประกอบกับเช้านี้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับลงเล็กน้อย 0.2% ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนยังไม่แนะเพิ่มพอร์ตการลงทุนเพราะ Valuation ที่สูงประกอบกับพื้นฐานมิได้แข็งแกร่ง แต่อย่างไรก็ตามในเชิงเก็งกำไรระยะสั้นเลือกกลุ่มการเงิน (MTC, SAWAD) อสังหาฯ (AP, SPALI) ค้าปลีก (CPALL, CPAXT)
CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 78.00 บาท)
Valuation ที่น่าสนใจ ปัจจุบันซื้อขายที่ราว 15xPE’25E ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต พร้อมด้วยผลตอบแทนเงินปันผลคาดหวังระดับ 3% โดยรายงานกำไรสุทธิ 2Q25 ที่ 6.8 พันล้านบาท (+9%YoY) หลังตัดรายการพิเศษมีกำไรปกติ 7 พันล้านบาท (+14%YoY, -7%QoQ) ใกล้เคียงกับที่เราและตลาดคาดหนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น 30 bps YoY
MTC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 45.00 บาท)
ผลการดำเนินงานใน 2Q25 แข็งแกร่ง กำไรสุทธิอยู่ที่ 1.65 พันล้านบาท (+14% YoY, +5% QoQ) และ NPL ratio ลดลงเหลือ 3.6% แนวโน้มผลการดำเนินงานใน 2H25 คาดจะขยายตัวต่อเนื่องทั้ง YoY และ HoH หนุนจากสินเชื่อขยายตัว และต้นทุนการเงินลดลงจากทิศทางดอกเบี้ยลดลง
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon