EPG เผยผลการดำเนินงานในไตรมาสแรก ปีบัญชี 68/69 (เม.ย.-มิ.ย.68) มียอดขาย 3,335 ล้านบาท ลดลง 7% แต่มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 6% ที่ 270 ล้านบาท

7

มิติหุ้น – ดร.เฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โพลีเมอร์และพลาสติกแปรรูปชั้นนำของโลก เปิดเผยว่า ในไตรมาสแรกของปีบัญชี 68/69 (เม.ย.-มิ.ย.68) บริษัทมียอดขาย 3,335 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีบัญชีก่อนที่มียอดขาย 3,577 ล้านบาท หรือลดลง 7% มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 34% จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 30 – 33% และมีกำไรสุทธิที่ 270 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% เนื่องจากผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ รวมทั้งการตั้งสำรองผลขาดทุนทางเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นที่ 44 ล้านบาท โดยมีผลการดำเนินงานตาม 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ดังนี้

ธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex มียอดขาย 1,076 ล้านบาท ลดลง 4% จากช่วงเดียวกันของปีบัญชีก่อน มาจากยอดขายในสหรัฐอเมริกายังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง สะท้อนความต้องการที่แข็งแกร่งในสินค้าฉนวนกันความร้อน/เย็นเกรดพรีเมียม รวมถึงสินค้าสำหรับอุตสาหกรรม Ultra Low Temperature Insulation และ Air Ducting System โดยมีลูกค้าหลักมาจากโครงการในกลุ่ม Semi-Conductor/ Data Center และยานยนต์ อย่างไรก็ดี บริษัทได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ สำหรับยอดขายในประเทศชะลอตัวเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีบัญชีก่อน อันเป็นผลมาจากความเชื่อมั่นในการลงทุนของภาคเอกชนที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่

ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ Aeroklas มีรายได้จากการขาย 1,618 ล้านบาท ปรับลดลง 12% จากช่วงเดียวกันของปีบัญชีก่อน สะท้อนภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์โลกที่ยังเผชิญแรงกดดันจากการชะลอตัวของกำลังการผลิตและความต้องการสินค้า โดยเฉพาะตลาดส่งออก เช่น ยุโรป และ ออสเตรเลีย แม้ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ยังฟื้นตัวช้า แต่ยอดขายในกลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก เช่น พื้นปูกระบะ (Bed liner) และหลังคาครอบกระบะ (Canopy) เริ่มปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน อีกทั้ง ยอดขายบันไดข้างรถกระบะ Sidestep ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนและปีบัญชีก่อน เนื่องจากได้ทยอยส่งสินค้าบันไดข้างรถกระบะรุ่นใหม่ (Slide Step) ให้กับค่ายยานยนต์แล้ว สำหรับธุรกิจในออสเตรเลียจะมียอดขายปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีบัญชีก่อน เนื่องจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจยังคงกดดันการใช้จ่ายภายในออสเตรเลีย

Aeroklas ยังคงมุ่งมั่นสร้างการเติบโต โดยใช้จุดแข็งสร้างสรรค์สินค้านวัตกรรมที่มีน้ำหนักเบาซึ่งเป็นที่ต้องการในอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งรถยนต์สันดาป และ รถยนต์ EV เนื่องจากมีส่วนช่วยในการประหยัดพลังงาน เพื่อเพิ่มยอดขายและทำให้ธุรกิจเติบโตได้ตามเป้าหมาย

ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก ภายใต้แบรนด์ EPP มีรายได้จากการขาย 641 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากช่วงเดียวกันของปีบัญชีก่อน บริษัท อีสเทิร์น โพลีแพค จำกัด ยังคงเผชิญกับภาวะการแข่งขันที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม EPP ใช้จุดเด่นจากมาตรฐานต่าง ๆ เช่น มอก./ GMP/ HACCP/ BRC และ FSC จึงเป็นที่ไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมเลือกให้เป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติก

บริษัทมีต้นทุนขายสินค้าลดลง 8% จากช่วงเดียวกันของปีบัญชีก่อน ซึ่งเป็นอัตราที่ลดลงมากกว่ายอดขาย โดยบริษัทได้จัดหาวัตถุดิบจากแหล่งผลิตในหลายแหล่งเพื่อให้ต้นทุนเฉลี่ยจากราคาวัตถุดิบมีราคาเหมาะสม นอกจากนี้ Aeroflex USA, Inc. สหรัฐอเมริกา ได้บริหารจัดการต้นทุน เพื่อรองรับผลกระทบด้านภาษีในระยะสั้น โดยสำรองวัตถุดิบกึ่งสำเร็จรูปในระดับที่เพียงพอต่อการดำเนินงานต่อเนื่อง

สำหรับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง 41 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีบัญชีก่อน จากการยุติการดำเนินงานใน TJM Off-Road Products Inc. สหรัฐอเมริกา และการลดลงของค่าใช้จ่ายในออสเตรเลียและในไทย บริษัทมีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ 33 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีบัญชีก่อน ในไตรมาสนี้ ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมากเมื่อเทียบกับสกุลดอลลาร์สหรัฐและแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์ออสเตรเลีย

บริษัทมีการตั้งสำรองผลขาดทุนทางเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นที่ 44 ล้านบาท มาจากรายการลูกหนี้การค้าของบริษัท แอร์โรคลาส จำกัด ซึ่งจำหน่ายวัตถุดิบเพื่อใช้ผลิตสินค้าให้แก่ธุรกิจร่วมทุนในแอฟริกาใต้ ซึ่งได้รับคำสั่งซื้อสำคัญจากค่ายยานยนต์รายใหญ่ในมูลค่าที่เพิ่มขึ้น โดยในไตรมาสนี้ การเจรจากับลูกค้าในแอฟริกาใต้มีพัฒนาการเชิงบวก ธุรกิจร่วมทุนสามารถจำหน่ายสินค้าในราคาขายใหม่ซึ่งจะช่วยให้ผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้น คาดว่าจะส่งผลให้ธุรกิจร่วมทุนในแอฟริกาใต้มีสภาพคล่องดีขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทได้รับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าที่ 75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีบัญชีก่อน

ดร.เฉลียว กล่าวต่อว่าคาดว่าปีบัญชีนี้จะสามารถรักษาระดับยอดขายที่ 13,800 ล้านบาท และอัตรากำไรขั้นต้นที่ 30 – 33% ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ พร้อมใช้นโยบาย“USE” (U: Utilization การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า S: Save การประหยัดค่าใช้จ่าย และ E: Efficiency การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน) ลดภาระค่าใช้จ่าย และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon