มิติหุ้น – บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA มีรายได้ จำนวน 14,522.1 ล้านบาท และกำไรสุทธิ จำนวน 942.4 ล้านบาทในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 ส่วนใหญ่มาจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของกลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือและกลุ่มการลงทุนอื่น ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือ กลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม และกลุ่มการลงทุนอื่น มีสัดส่วนรายได้ร้อยละ 23 ร้อยละ 53 ร้อยละ 14 ร้อยละ 7 และร้อยละ 3 ของรายได้รวมทั้งหมด ตามลำดับ กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือมีอัตราค่าระวางเรือเทียบเท่า (TCE) เฉลี่ยสูงกว่าอัตราค่าระวางเรือซุปราแมกซ์สุทธิที่ร้อยละ 31 ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 ในขณะที่ กลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่งมีมูลค่าสัญญาให้บริการที่รอส่งมอบ จำนวน 688.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสที่ 2/2568 ส่วนรายได้อื่นเพิ่มขึ้นอย่างมากถึงร้อยละ 833 จากครึ่งปีแรกของปี 2567 เป็น 1,560.4 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากกำไรจากการขายสินทรัพย์ดิจิทัล นอกจากนี้ TTA ยังคงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง จากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานสุทธิ 1,607.6 ล้านบาทในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 เงินสดภายใต้การบริหาร จำนวน 5.7 พันล้านบาท และมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ในระดับต่ำที่ 0.37 เท่า
นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TTA เปิดเผยว่า “ในไตรมาสที่ 2/2568 ดัชนีซุปราแมกซ์ (BSI) มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 962 จุด เพิ่มขึ้นจาก 819 จุดในไตรมาสที่ 1/2568 เนื่องจากผลกระทบจากการชะลอตัวระหว่างช่วงเทศกาลตรุษจีน และในไตรมาสที่ 2/2568 อัตราค่าระวางเรือซุปราแมกซ์ทำสถิติสูงสุดที่ 10,762 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน และมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 10,126 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน สำหรับภาพรวมปี 2568 ตามรายงานของ Clarksons Research คาดว่าการค้าสินค้าแห้งเทกองจะลดลง ร้อยละ 0.9 ในหน่วยตัน แต่ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 ในหน่วยตัน-ไมล์ สะท้อนถึงทิศทางการค้าสินค้าแห้งเทกองที่แตกต่างกันในแต่ละประเภท ขณะที่การขยายกองเรือคาดว่าจะเติบโตที่ร้อยละ 3.1 โดยยอดคำสั่งต่อเรือใหม่ยังคงจำกัดอยู่ที่ร้อยละ 11 ของปริมาณกองเรือทั่วโลกทั้งหมด ท่ามกลางสภาวะตลาดที่อ่อนแอและความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงการเปลี่ยนเส้นทางออกจากทะเลแดงที่คาดว่าจะยังคงดำเนินต่อไปตลอดทั้งปี 2568
ในเดือนมิถุนายน 2568 กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของกองเรือ โดยจำหน่ายเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองประเภทซุปราแมกซ์ จำนวน 1 ลำ อายุ 24.2 ปี ส่งผลให้กองเรือมีจำนวนลดลงไปอยู่ที่ 24 ลำ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีความยินดีที่ได้รับการจัดอันดับเป็นลำดับที่ 2 ในการสำรวจผลการดำเนินงานของบริษัทเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกในปี 2567 โดย Lienguard & Roschmenn, Maritime Advisors”
ผลการดำเนินงานของแต่ละกลุ่มธุรกิจ
กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือ : โทรีเซน ชิปปิ้ง รายงานรายได้ค่าระวางที่ 1,672.2 ล้านบาท ปรับตัวลดลงร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับปี 2567 เนื่องจากอัตราค่าระวางเรือซุปราแมกซ์ตลาดที่ลดลง แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 จากไตรมาสที่ 1/2568 อัตราค่าระวางเรือเทียบเท่าเฉลี่ยของกลุ่มธุรกิจฯ อยู่ที่ 12,291 ดอลลาร์สหรัฐต่อวันในไตรมาสที่ 2/2568 ซึ่งยังคงสูงกว่าอัตราค่าระวางเรือซุปราแมกซ์สุทธิที่ 9,619 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน อยู่ร้อยละ 28 ในขณะที่ อัตราการใช้ประโยชน์ของเรือยังคงสูงที่ร้อยละ 100 ด้วยอัตราค่าระวางเรือเทียบเท่าสูงสุดอยู่ที่ 21,197 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน ส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานขนส่งทางเรือ (OPEX) อยู่ที่ 4,600 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน และยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมอยู่ที่ร้อยละ 13 ซึ่งสะท้อนถึงประสิทธิภาพการบริหารจัดการที่แข็งแกร่ง โดยสรุป โทรีเซน ชิปปิ้ง รายงานผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA จำนวน 337.9 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 2/2568 เพิ่มขึ้นร้อยละ 95 จากไตรมาสที่ 1/2568 โดยเป็นเจ้าของเรือจำนวน 24 ลำ (เรือซุปราแมกซ์ 22 ลำ และเรืออัลตราแมกซ์ 2 ลำ) มีระวางบรรทุกเฉลี่ยเท่ากับ 55,068 เดทเวทตัน และมีอายุเฉลี่ย 16.7 ปี
กลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง : บริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) หรือ เมอร์เมด รายงานรายได้จำนวน 3,720.8 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 7 จากไตรมาสที่ 1/2568 เนื่องจากกิจกรรมของงานวางสายเคเบิลใต้ทะเลและงานรื้อถอน (Decommissioning) งานขนส่งและติดตั้ง (Transportation & Installation: T&I) ที่ลดลง โดยรายได้จากงานรื้อถอน งานขนส่งและติดตั้ง งานวิศวกรรมใต้ทะเล (subsea-IRM) และงานวางสายเคเบิลใต้ทะเล มีสัดส่วนร้อยละ 52 ร้อยละ 39 และร้อยละ 9 ของรายได้รวมของกลุ่มธุรกิจฯ ตามลำดับ รายได้จากงานวิศวกรรมใต้ทะเลลดลงร้อยละ 17 จากปี 2567 เนื่องจากมีการซ่อมบำรุงเรือที่ไม่ได้วางแผนไว้ และการหยุดทำงานชั่วคราวจากเหตุการณ์ความขัดแย้งในประเทศอิหร่าน อย่างไรก็ตาม เรือสามารถกลับมาให้บริการอีกครั้งในช่วงต้นไตรมาสที่ 3/2568 โดยรายได้จากงานวิศวกรรมใต้ทะเลเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จากไตรมาสที่ 1/2568 เนื่องจากโครงการงานที่ไม่ใช้เรือที่เพิ่มขึ้น ขณะที่อัตราการใช้ประโยชน์ของเรือวิศวกรรมใต้ทะเลเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 87 ในไตรมาสที่ 2/2568 จากร้อยละ 78 ในไตรมาสที่ 2/2567 โดยสรุป เมอร์เมดฯ มี EBITDA เป็นบวกที่ 64.1 ล้านบาท และมีมูลค่าสัญญาให้บริการที่รอส่งมอบ จำนวน 688.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นสุดไตรมาสที่ 2/2568
กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร : บริษัท พีเอ็ม โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PMTA มีรายได้ที่ 1,072.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 จากไตรมาสที่ 1/2568 เนื่องจากปริมาณการขายปุ๋ยที่สูงขึ้น รายได้จากการขายปุ๋ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 สอดคล้องกับปริมาณการขายปุ๋ยทั้งหมด 52.3 พันตัน ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 จากไตรมาสที่ 1/2568 เนื่องจากปริมาณการขายปุ๋ยในประเทศเวียดนามที่เพิ่มขึ้น โดยปริมาณขายปุ๋ยในประเทศเวียดนามคิดเป็นร้อยละ 94 ของปริมาณขายปุ๋ยทั้งหมด หรือ 49.1 พันตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 จากปี 2567 และร้อยละ 45 จากไตรมาสที่ 1/2568 ซึ่งเป็นผลจากความต้องการในประเทศที่สูงขึ้นในช่วงฤดูกาลเพาะปลูกและการสะสมสินค้าล่วงหน้าตามการคาดการณ์ว่าราคาจะสูงขึ้น เนื่องจากในประเทศเวียดนามได้มีการบังคับใช้ภาษีมูลค่าเพิ่มในเดือนกรกฎาคม 2568 ในทางกลับกัน ปริมาณส่งออกปุ๋ยลดลงเป็น 3.2 พันตัน เนื่องจากปริมาณส่งออกปุ๋ยไปยังประเทศฟิลิปปินส์และประเทศแทบแอฟริกาที่ลดลง ทั้งนี้ หากพิจารณาตามประเภทของปุ๋ย มีปริมาณขายปุ๋ยเชิงเดี่ยว (Single fertilizer) เพิ่มขึ้นร้อยละ 50 จากไตรมาสที่ 1/2568 ขณะที่ปริมาณขายปุ๋ยเชิงผสม (NPK fertilizer) เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 จากปี 2567 และร้อยละ 8 จากไตรมาสที่ 1/2568 อยู่ที่ 45.0 พันตัน ในขณะที่ รายได้จากการให้บริการจัดการพื้นที่โรงงาน อยู่ที่ 31.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 จากไตรมาสที่ 1/2568 โดยสรุป กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร รายงานผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA จำนวน 41.5 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 21 เมื่อเทียบกับปี 2567 และร้อยละ 153 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1/2568
กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (Food & Beverage) : พิซซ่า ฮัท ดำเนินงานภายใต้บริษัทย่อยที่ TTAถือหุ้นอยู่ร้อยละ 70 ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568 พิซซ่า ฮัท มีสาขาทั้งหมด 200 สาขาทั่วประเทศ
ทาโก้ เบลล์ เป็นแฟรนไชส์อาหารเม็กซิกันสไตล์ที่มีชื่อเสียงชั้นนำระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา ดำเนินงานภายใต้บริษัทย่อยที่ TTA ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 70 ณ 30 มิถุนายน 2568 ทาโก้ เบลล์ มีสาขาทั้งหมด 33 สาขาทั่วประเทศ
กลุ่มการลงทุนอื่น (Investment) มุ่งเน้นธุรกิจการบริหารทรัพยากรน้ำและโลจิสติกส์
บริษัท เอเชีย อินฟราสตรักเชอร์ แมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ AIM ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ TTA ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 92.50 เป็นผู้ออกแบบ ก่อสร้าง และให้บริการครบวงจรทางด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ AIM ยังได้รับสัมปทานในการจำหน่ายน้ำประปาในหลวงพระบาง ประเทศลาว ผ่านบริษัทย่อยที่ AIM ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 100
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon