มิติหุ้น – Investment Strategy
• สรุปภาพรวมตลาด ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดบวกเล็กน้อยในวันอังคาร (19 ส.ค.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ร่วงลงกว่า 300 จุดเนื่องจากแรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะหุ้นอินวิเดีย (Nvidia) ขณะที่นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล ในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,922.27 จุด เพิ่มขึ้น 10.45 จุด หรือ +0.02%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,411.37 จุด ลดลง 37.78 จุด หรือ -0.59% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 21,314.95 จุด ลดลง 314.82 จุด หรือ -1.46%
• สรุปภาพรวมสินทรัพย์อื่นๆ สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 81 เซนต์ หรือ 1.22% ปิดที่ 65.79 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่าการเจรจาไตรภาคีระหว่างผู้นำสหรัฐฯ ยูเครน และรัสเซีย เพื่อผลักดันให้มีการยุติสงครามในยูเครน อาจนำไปสู่การผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย ซึ่งจะทำให้รัสเซียสามารถส่งออกน้ำมันและส่งผลให้อุปทานน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 19.30 ดอลลาร์ หรือ 0.57% ปิดที่ 3,358.70 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยกดดันตลาด และจากการที่นักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล ในสัปดาห์นี้
• SET Index : เราคาดการณ์กรอบ SET Index ในวันนี้ ณ ระดับ 1,220-1,240 จุด เจอแรงขายลดความเสี่ยงจากประเด็นถ้อยแถลงพาวเวลล์
โดย เราคาดการณ์ว่าดัชนีจะแกว่งตัวอยู่ในกรอบ โดยมีแนวรับที่สำคัญที่ดัชนีระดับ 1,220 และ เรามองว่าในระยะสั้นจะยังคงมีเม็ดเงินต่างประเทศ หรือ Fund Flow ไหลออกอย่างต่อเนื่อง
กลยุทธ์การลงทุน เรายังคงคำแนะนำระมัดระวังแรงขายทำกำไร และ ทยอยลดการถือครองหุ้นขนาดใหญ่จากความผันผวนจากความกังวลในประเด็นการเมือง
ในสัปดาห์นี้จับตาศาลรัฐธรรมนูญนัดไต่สวนพยานในคดีคลิปเสียงการสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ในวันที่ 21 ส.ค. ซึ่งความเสี่ยงดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลว่าอาจทำให้การเมืองไร้เสถียรภาพ ในด้านต่างประเทศ จับตาการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) หรือการประชุมแจ็กสัน โฮล ในวันที่ 21-23 ส.ค.
หุ้นแนะนำ
KTC: KTC มีการประเมินมูลค่าน่าสนใจที่ P/E 10x และ P/BV 1.75x ในปี 2025 (-1SD ของค่าเฉลี่ยในอดีต) รวมทั้งมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงที่สุดในกลุ่ม Non-bank ที่ 5.0-5.3% ต่อปีในปี FY25-27
(Take profit : 29.00 / Stop loss : 27.75)
HANA: บริษัทรายงานกำไรจากการดำเนินงานปกติ 153 ล้านบาท ลดลง 69% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และลดลง 31% จากไตรมาสที่แล้ว ในไตรมาส 2 ปี 2568 ซึ่งสูงกว่าประมาณการของเรา/Bloomberg consensus 13% จากธุรกิจ IC packaging แข็งแกร่งกว่าคาด
(Take profit : 21.50 / Stop loss : 21.00)
#CGSInternational
#CGSI
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon
