มิติหุ้น – สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ BDI ผนึกกำลัง สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เดินหน้าขยายเครือข่ายโครงการ Health Link ต่อเนื่อง เพื่อยกระดับศักยภาพการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างสถานพยาบาลทั่วประเทศ สามารถเชื่อมโยงหน่วยบริการสุขภาพได้แล้วกว่า 2,237 แห่ง ล่าสุดได้ขยายพื้นที่การดำเนินงานสู่ภาคเหนือ โดยนำร่องพื้นที่ สปสช. เขต 3 ครอบคลุมหน่วยนวัตกรรมกว่า 550 แห่ง พร้อมเดินหน้าพัฒนาแพลตฟอร์มตามยุทธศาสตร์ “3 Healths” ได้แก่ บริการด้านสุขภาพ (Health Service), การเงินการคลังด้านสุขภาพ (Health Financing) และการวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพและปัญญาประดิษฐ์ (Health Analytics & AI) เพื่อมุ่งสู่การวางรากฐานระบบสุขภาพดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven Health System) ตั้งเป้าขยายเครือข่ายครอบคลุมหน่วยบริการในพื้นที่จังหวัดอื่น ๆ อีกกว่า 15,000 แห่งทั่วประเทศภายในปี 2569
นพ.ธนกฤต จินตวร รองผู้อำนวยการสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (BDI) ด้านบริหารกิจการพิเศษ กล่าวว่า BDI ให้ความสำคัญกับการขยายเครือข่ายบริการด้านสุขภาพสู่ระดับภูมิภาค โดยการลงพื้นที่ ที่ชาตรีคลินิก การพยาบาลและการผดุงครรภ์ จังหวัดนครสวรรค์ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของโครงการ Health Link ในการกระจายเครือข่ายการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ทั้งนี้เป็นการต่อยอดจากการดำเนินงานในพื้นที่นำร่องก่อนหน้านี้ เริ่มจากกรุงเทพมหานคร และจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีจากการใช้งานแพลตฟอร์ม Health Link ในการยกระดับคุณภาพการดูแลรักษาและเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ เนื่องจากระบบสามารถลดความซ้ำซ้อนในการตรวจวินิจฉัย เพิ่มความแม่นยำในการรักษา และสนับสนุนการประสานงานระหว่างหน่วยบริการสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการ โดยเฉพาะในกลุ่มประชาชนที่มีการย้ายถิ่นฐานหรือเปลี่ยนสถานพยาบาลบ่อยครั้ง ทำให้สามารถได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องมากยิ่งขึ้น
ปัจจุบัน มีสถานพยาบาลและหน่วยบริการที่ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และเชื่อมโยงข้อมูลผ่านระบบ Health Link แล้วรวมกว่า 2,237 แห่ง แบ่งเป็นในเขตกรุงเทพมหานครจำนวน 1,592 แห่ง และในต่างจังหวัดจำนวน 645 แห่ง เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้อย่างไร้รอยต่อ ครอบคลุมตั้งแต่ระดับปฐมภูมิ ทุติยภูมิ จนถึงตติยภูมิ เพื่อให้การรักษามีความปลอดภัย ครบถ้วน และลดภาระค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น อีกทั้งยังสอดรับกับนโยบาย “30 บาทรักษาทุกที่” ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถเข้ารับบริการจากหน่วยบริการที่เชื่อมโยงข้อมูลได้ทุกแห่ง โดยไม่จำกัดเฉพาะโรงพยาบาลตามสิทธิ
พร้อมกันนี้ BDI ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาโครงการ Health Link อย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการให้บริการและครอบคลุมทุกมิติของระบบสุขภาพ ภายใต้กลยุทธ์หลัก 3 Healths ได้แก่
- บริการด้านสุขภาพ (Health Service) มุ่งเชื่อมโยงข้อมูลของหน่วยบริการสาธารณสุขทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่มีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าบูรณาการข้อมูลสำคัญ อาทิ ข้อมูลสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค (Prevention and Promotion-PP), ระบบที่ใช้ในการจัดเก็บรูปภาพทางการแพทย์ (PACS), ข้อมูลการระบาดของโรค (Epidemic) และข้อมูลสุขภาพที่เกี่ยวข้อง ควบคู่กับการพัฒนาแพลตฟอร์มเสริม เช่น PHR (Personal Health Record), บริการตรวจทางห้องปฏิบัติการนอกหน่วยบริการ (Lab Anywhere) และบริการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพได้อย่างสะดวก ทั่วถึง และมีประสิทธิภาพในทุกพื้นที่ โดยตั้งเป้าขยายการเชื่อมต่อครอบคลุมกว่า 15,000 หน่วยบริการทั่วประเทศภายในปี 2569
- การเงินการคลังด้านสุขภาพ (Health Financing) ดำเนินการบูรณาการข้อมูลจาก 3 กองทุนสุขภาพหลักของภาครัฐ เพื่อป้องกันความซ้ำซ้อนของสิทธิการรักษา และสร้างความเป็นธรรมในการเข้าถึงบริการ พร้อมนำข้อมูลมาวิเคราะห์เชิงลึกเพื่อสนับสนุนการกำหนดนโยบายที่ตรงจุด สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน และช่วยให้ผู้มีสิทธิสามารถเข้าถึงและใช้บริการสาธารณสุขได้อย่างเต็มที่ ครอบคลุม และทั่วถึง
- การวิเคราะห์สุขภาพด้วยข้อมูลและ AI (Health Analytics & AI) มุ่งสนับสนุนการวางแผนบริการและกำหนดนโยบายด้านสาธารณสุขบนฐานข้อมูลที่ถูกต้อง ครอบคลุม และเชื่อถือได้ จากทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อนำมาประมวลผลเชิงลึกและสนับสนุนการตัดสินใจเชิงนโยบายอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ Health Link ยังพัฒนาแพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพที่สามารถเชื่อมโยงและประมวลผลจากหลากหลายแหล่งข้อมูล (Data Source) เพื่อสร้างภาพรวมด้านสุขภาพของประชาชนที่แม่นยำ ครอบคลุม และสามารถใช้วางแผนเชิงรุกได้ในระยะยาว
“การเดินหน้าขยายการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพให้ครอบคลุมหน่วยบริการทั่วประเทศ สะท้อนบทบาทเชิงรุกของ BDI ในการวางรากฐานสู่การเป็นประเทศที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven Nation) โดยบูรณาการข้อมูลจากหลากหลายภาคส่วน เพื่อรองรับการวางแผน จัดสรรทรัพยากร และกำหนดนโยบายได้อย่างแม่นยำ มีประสิทธิภาพ และตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง” นพ.ธนกฤต กล่าวสรุป
ด้าน นพ.ปฏิภาคย์ นมะหุต ผู้แทนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 3 จังหวัดนครสวรรค์ กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่าง สปสช. และ BDI ในครั้งนี้ ถือเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับระบบสาธารณสุขของประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่เขต 3 ซึ่งครอบคลุมหน่วยบริการสุขภาพใน 5 จังหวัด ได้แก่ กำแพงเพชร นครสวรรค์ ชัยนาท พิจิตร และอุทัยธานี โดยปัจจุบันมีหน่วยบริการกว่า 550 แห่ง คาดว่าในอนาคตจะเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพผ่านระบบ Health Link ให้มากที่สุด เพื่อใช้เป็นเครื่องมือหลักในการส่งต่อข้อมูลระหว่างสถานพยาบาลอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระบบ
“การดำเนินงานดังกล่าว ไม่เพียงช่วยยกระดับการให้บริการเชิงปฏิบัติในระดับพื้นที่เท่านั้น แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบสุขภาพที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven Health System) ซึ่งจะช่วยให้ภาครัฐสามารถวิเคราะห์แนวโน้มด้านสุขภาพของประชาชนในแต่ละพื้นที่ วางแผนการจัดสรรทรัพยากรได้อย่างตรงจุด และยกระดับคุณภาพบริการให้ครอบคลุมทั้งการป้องกันและการรักษาได้อย่างยั่งยืน”
นพ.ปฏิภาคย์ กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับประชาชนที่สนใจสมัคร Health Link ฟรีผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” หรือ “ThaID” ศึกษารายละเอียดโครงการเพิ่มเติมได้ที่: https://healthlink.go.th และสามารถติดตามอัปเดตข้อมูลและกิจกรรม
ต่าง ๆ ของสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ BDI ได้ทางเว็บไซต์ https://bdi.or.th/ และ Facebook: BDI – Big Data Institute
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon