มิติหุ้น – นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่า ในคืนนี้แนะนำต้องจับตาการประชุมแจ็กสัน โฮล ซึ่งได้เริ่มต้นขึ้นวานนี้ และวันนี้เป็นวันที่สองของการประชุม โดยนาย เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะมีกำหนดขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ เวลา 21.00 น.ตามเวลาไทย โดยสิ่งที่ต้องจับตาเป็นพิเศษซึ่งจะกระทบต่อราคาสินทรัพย์การลงทุน คือ 1.อัตราเงินเฟ้อ 2.ตลาดแรงงาน 3.การทบทวนกรอบนโยบาย
โดยราคาทองคำต้องจับตาว่านาย เจอโรม พาวเวล จะแสดงท่าทีกังวลในเรื่องอัตราเงินเฟ้อหรือตลาดแรงงานมากกว่ากัน เนื่องจากหากกังวลในภาวะเงินเฟ้อจากดัชนี PPI ที่เร่งตัวขึ้นมาในช่วงก่อนหน้า อาจทำให้ตลาดตีความว่าเฟดจะไม่รีบลดดอกเบี้ย และเป็นปัจจัยกดดันทองคำ แต่หากมีการแสดงความกังวลต่อตัวเลขการจ้างงาน (Non-Farm) ที่อ่อนแอลงอย่างชัดเจน จะเป็นปัจจัยสนับสนุนการปรับลดดอกเบี้ยเฟด และกลับมาเป็นปัจจัยหนุนต่อราคาทองคำเช่นกัน
ในขณะที่ ทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงเดือน ก.ย.ที่จะถึงนี้มีโอกาสกลับมาเป็นสัญญาณบวก เนื่องจากในท้ายที่สุดแล้ว ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดก็จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอยู่ดี โดยในการประชุมเฟดในวันที่ 16 – 17 ก.ย.นี้ ตลาดเทน้ำหนักส่วนใหญ่ว่าจะปรับลด 0.25% และจะทำการลดดอกเบี้ยรวมได้ 2-3 ครั้งในปีนี้ วายแอลจีจึงคาดการณ์ว่าในเดือนก.ย. อาจจะมีโอกาสเห็นราคาทองคำขึ้นไปแตะจุดสูงสุดเดิมที่เคยทำไว้ที่ 3,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์
นอกจากนี้ทองคำยังได้รับแรงสนับสนุนจากสถาบันการเงินขนาดใหญ่เช่น UBS ได้ปรับเป้าหมายราคาทองคำเป็น 3,600 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ภายในไตรมาส 1 ปี 2568 ซึ่งใกล้เคียงกับเป้าหมายของ วายแอลจีที่ให้ไว้ที่ 3,600-3,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในขณะที่ Goldman Sachs ได้คงคาดการณ์ราคาทองคำที่ 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในช่วงกลางปี 2569
ในระยะยาวยังมีกระแส De-Dollarization ลดทอนบทบาทดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของ BRICS มาสนับสนุนราคาทองคำ โดย IMF รายงานว่า สัดส่วนของสกุลเงินดอลลาร์ในเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ลดลงเหลือ 57.4% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2537 สวนทางกับเทรนด์การเข้าซื้อทองคำที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจาก World Gold Council รายงานว่า ธนาคารกลางยังคงซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง เป็นปีที่ 15 ติดต่อกัน โดยในปี 2567 มีปริมาณการเข้าซื้อทองคำระดับ 1,045 ตัน และถือเป็นปีที่ 3 ติดต่อกันแล้วที่ความต้องการทองคำสูงเกิน 1,000 ตัน สูงกว่าค่าเฉลี่ยสิบปีที่ 473 ตัน
สำหรับการเคลื่อนไหวของทองคำในช่วงระยะสั้นนี้วายแอลจี มองกรอบการเคลื่อนไหวที่ 3,311-3,280 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากสามารถผ่านช่วงการประชุมแจ็กสัน โฮล ไปแล้วยังสามารถยืนอยู่ได้ จะมีโอกาสปรับตัวขึ้นอีกครั้งไปทดสอบแนวต้าน 3,352-3,375 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนราคาทองคำในประเทศมองเคลื่อนไหวในกรอบ 50,700-52,200 บาทต่อบาททองคำ
ส่วนนักลงทุนรายย่อยที่ต้องการลงทุนระยะยาวนั้นแนะนำสะสมแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน DCA (Dollar-Cost-Average) เป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจ เพราะจะทำให้นักลงทุนสามารถสร้างวินัยการสะสมทอง และเข้าถึงราคาทองได้หลากหลาย อีกทั้งปัจจุบันยังสามารถตั้งเวลาซื้อล่วงหน้าได้อีกด้วย สำหรับนักลงทุนมือใหม่วายแอลจีแนะนำแอปพลิเคชัน Get Gold by YLG ที่วายแอลจีเปิดให้บริการสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในทองคำโดยใช้เงินลงทุนเพียง 100 บาท ได้รับการตอบรับอย่างดี เนื่องจากตอบโจทย์การลงทุนของคนรุ่นใหม่ที่สามารถซื้อ-ขายทองคำ Gold Spot แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง เข้าถึงง่ายด้วยสมาร์ตโฟน และมีความน่าเชื่อถือ ด้านความปลอดภัย สามารถทำกำไรได้จริง โดยผู้สมัครสามารถยืนยันตัวตนพร้อมยื่นเอกสารผ่านแอปพลิเคชัน รู้ผลอนุมัติได้ภายในวันเดียว และสามารถทำการซื้อ-ขาย ทองคำได้ทันที เปิดให้ลงทุนเริ่มที่ 100 บาท ไปจนถึง 80 กิโลกรัมต่อ 1 วัน ผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันได้ที่ App Store และ Play Store หรือ LINE : @ylggetgold โทร. 0-2678-9888 #2
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon