Pi Daily Jackson Hole อาจหนุนหุ้นไทยแต่ยังเชื่อว่าระยะสั้น ทิศทางข้างหน้ายังไม่คาดคิดว่า FED จะเร่งลดดอกเบี้ย เหตุจากเงินเฟ้อสหรัฐฯ ยังมีแนวโน้มเร่งตัว ผสานกับเศรษฐกิจยังไม่ถึงกับเข้าขั้นย่ำแย่

12

มิติหุ้น – ตลาดหุ้น Dow Jones คืนวันศุกร์ปิดบวก 846 จุด (+1.9%) ปิดระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้แรงหนุนจากการแถลงของประธาน FED ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 0.09% ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับข้อตกลงระหว่างรัสเซียและยูเครน

วันศุกร์ที่ผ่านมาประธาน FED ได้แถลงที่ Jackson Hole ได้ระบุว่าในระยะสั้นความเสี่ยงเงินเฟ้อมีแนวโน้มเอียงไปทางปรับขึ้นแต่ความเสี่ยงจ้างงานเอียงไปทางแนวโน้มลดลงซึ่งถือเป็นสถานการณ์ที่ท้าทาย เมื่อเป้าหมายทั้งสองไม่ไปในทิศทางเดียวกันการดำเนินนโยบายจึงจำเป็นต้องทำให้เกิดสมดุลกันระหว่างการจ้างงานและเงินเฟ้อแต่อย่างไรก็ตามด้วยนโยบายที่ตึงตัวแนวโน้มพื้นฐานของเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไปอาจทำให้เราต้องปรับท่าทีทางนโยบาย จากข้อความข้างต้นทำให้นักลงทุนตีความว่าประธาน FED กำลังส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยหลังจากนี้ ทำให้ US Bond Yield ปรับลงแรงพร้อมกับ Dollar Index กลับมาแข็งค่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับขึ้นแข็งแกร่งนำโดย Sector สินค้าฟุ่มเฟือย พลังงาน สื่อสาร มองเป็นปัจจัยหนุนหุ้นไทยในวันนี้แต่อย่างไรก็ตามระยะถัดไปยังประเมินแล้วมีความเสี่ยง เพราะเล็งเห็นทิศทางเงินเฟ้อสหรัฐฯ อาจเร่งตัวขึ้นจากผลกระทบเงินเฟ้อและเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังไม่ได้ถึงกับชะลอตัวอย่างมีนัยยะสำคัญ ซึ่งจะสอดคล้องกับ CME FED Watch ที่ให้น้ำหนักลดดอกเบี้ยการประชุมเดือนกันยายนเพียง 75% ไม่ได้ถูกปรับเพิ่มขึ้นมากนัก จากช่วงก่อนหน้าและทั้งปีก็ปรับลงเพียง 2 ครั้ง (เท่ากับก่อนประชุม Jackson Hole) ด้านปัจจัยในประเทศนักลงทุนจะรอติดตามความชัดเจนการเมืองในช่วงปลายสัปดาห์ทำให้การฟื้นตัวของดัชนีจากปัจจัยหนุนของสหรัฐฯ อาจมี Upside ไม่มากนักเมื่อเทียบกับประเทศอื่น คืนนี้รอติดตามยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐฯ Bloomberg Consensus คาดการณ์ไว้ที่ 6.35 แสนราย และในประเทศรอติดตามการค้าระหว่างประเทศ Bloomberg Consensus คาดการณ์มูลค่าส่งออกจะขยายตัว 9.6%YoY และนำเข้าจะขยายตัว 3.7%YoY วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1220 – 1280 ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนอาจ Trading ระยะสั้นรับกับปัจจัยหนุนต่างประเทศ เน้นที่หุ้นขนาดใหญ่เพราะมีโอกาสที่กระแสเงินทุนต่างชาติจะไหลเข้า อาทิ กลุ่มค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) ท่องเที่ยว (AOT MINT) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) การเงิน (MTC SAWAD) อาหาร (CPF) แต่ยังเน้นย้ำความเสี่ยงที่ Upside อาจมิได้สูงมากจากพื้นฐานที่มิแข็งแกร่ง

SCB (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 137.00 บาท)
กลยุทธ์ใน 2H25 เน้นดูแลคุณภาพสินเชื่อ และควบคุมค่าใช้จ่ายเพื่อลด Cost to income ratio (CIR) ชดเชยผลกระทบจากสินเชื่อที่ชะลอตัว แม้มองว่าเป้าหมายลด CIR เหลือราว 35% ค่อนข้างท้าทายเพราะรายได้ที่ผันผวนล้อกับเศรษฐกิจ แต่เราชอบที่ SCB มุ่งมั่นในการเพิ่ม ROE

MTC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 45.00 บาท)
ผลการดำเนินงานใน 2Q25 แข็งแกร่ง กำไรสุทธิอยู่ที่ 1.65 พันล้านบาท (+14% YoY, +5% QoQ) และ NPL ratio ลดลงเหลือ 3.6% แนวโน้มผลการดำเนินงานใน 2H25 คาดจะขยายตัวต่อเนื่องทั้ง YoY และ HoH หนุนจากสินเชื่อขยายตัว และต้นทุนการเงินลดลงจากทิศทางดอกเบี้ยลดลง

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon