CGSI : BJC น่าจะเริ่มรับรู้ผลดีจากการปรับธุรกิจในปี 69 และต่อเนื่องจนถึงปี 70 แนะนำ “ซื้อ”

20

มิติหุ้น – ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ในการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อเร็วๆนี้ BJC ได้เปิดเผยแผนปรับโครงสร้างที่ครอบคลุมที่สุดในรอบหลายปี โดยยึดหลัก “fix or close” เริ่มด้วยการปิดบริษัทไทย-สแกนดิค สตีล (ผู้ผลิตโครงสร้างเหล็ก) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ BJC ถือหุ้น 100% ในไตรมาส 1/68 และปิดร้าน BigC Mini จำนวน 44 สาขาในไตรมาส 2/68 รวมทั้งมีแผนปิดเพิ่มอีก 120 สาขาในครึ่งปีหลัง 68 และปิด 26 สาขาในปี 69

ขณะเดียวกัน BJC กำลังเร่งปรับปรุงสาขา hypermarket, ยกเครื่องผลิตภัณฑ์กลุ่ม homeline และ softline, ควบรวมศูนย์กระจายสินค้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และนำ AI มาใช้งานเพื่อเพิ่มความแม่นยำในการประมาณการความต้องการ

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI  มองว่า แม้แผนปรับโครงสร้างของ BJC จะเป็นกลยุทธ์ที่ดี แต่เชื่อว่าการดำเนินการเหล่านี้อาจกดดันผลประกอบการในระยะสั้น โดยผู้บริหาร BJC กล่าวว่าการปรับปรุงสาขาทำให้อัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ลดลง 0.6% ในไตรมาส 2/68 และอาจลดลงอีก 1.0-1.5% ในไตรมาส 3/68 เนื่องจากที่ปรับปรุง 11 สาขานี้เป็นสาขาที่มียอดขายดีในอันดับต้นๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ SSSG QTD อยู่ที่ประมาณ -3% ในไตรมาส 3/68 นอกจากนี้ รายได้ค่าเช่ายังลดลงชั่วคราวจากการปรับปรุงสาขา

อีกทั้งเล็งเห็นแรงกดดันเพิ่มเติมจากอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่อาจหดตัวจากการล้างสต็อกสินค้ากลุ่ม homeline และ softline รวมทั้งค่าใช้จ่าย เพิ่มเติม 20 ล้านบาทสำหรับย้ายและรวมศูนย์กระจายสินค้า

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI คาดว่า ผลประกอบการของ BJC จะเริ่มฟื้นตัวช่วงปลายปี 68 เมื่อการปรับปรุงธุรกิจเริ่มส่งผลดี โดยบริษัทประเมินว่าการปิดสาขา BigC Mini ที่มีผลขาดทุน 164 สาขา อาจทำให้ยอดขายลดลงประมาณ 700 ล้านบาทต่อปี แต่จะช่วยให้กำไรสุทธิดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนการปรับปรุงสาขา hypermarket 11 สาขาจะแล้วเสร็จในไตรมาส 4/68 นี้ ซึ่งจะทำให้ SSSG และรายได้ค่าเช่าเพิ่มสูงขึ้นในปี 69 โดยผู้บริหาร BJC ตั้งเป้าอัตราการเช่าพื้นที่อยู่ที่ 93-94% ภายในสิ้นปี 68 เพิ่มขึ้นจาก 91% ในไตรมาส 2/68

ขณะที่ฝ่ายวิเคราะห์ฯ คาดว่า BigC จะมี GPM เพิ่มขึ้นในปี 69 เมื่อผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการปรับปรุงแล้วทยอยเปิดตัวตั้งแต่เดือนพ.ย. 68  ขณะเดียวกัน BJC คาดว่าการควบรวมศูนย์กระจายสินค้าจะช่วยประหยัดเงินได้ประมาณ 150 ล้านบาทต่อปีเริ่มตั้งแต่ปี 69 เป็นต้นไป

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ยังมองเชิงบวกต่อ BJC แม้ว่าบริษัทน่าจะมีกำไรอ่อนตัวลงในระยะสั้น แต่การปรับโครงสร้างจะช่วยเพิ่มความสามารถการแข่งขันในระยะยาวผ่านทาง margin และประสิทธิภาพที่สูงขึ้น รวมทั้งการมุ่งเน้นเพิ่มความสามารถในการทำกำไร จึงเชื่อว่าราคาหุ้นที่อาจปรับตัวลงจากผลกระทบในระยะสั้น น่าจะเป็นจุดกลับเข้าซื้อที่ดี

อีกทั้งมองว่า การประเมินมูลค่าปัจจุบันของ BJC ที่ P/E 14.8 เท่าในปี 68 (-1.75SD จาก ค่าเฉลี่ยสามปี) และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 4.6% ในปี 68 ยังน่าสนใจ จึงยังแนะนำ “ซื้อ” BJC ที่ราคาเป้าหมาย 22 บาท โดยมองว่า downside risk จะมาจากการท่องเที่ยวที่ชะลอตัวต่อเนื่องและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลง ส่วนปัจจัยบวกคือการกลับมาของนักท่องเที่ยวชาวจีนและการบริโภคที่ฟื้นตัว

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon