Pi Daily เริ่มเห็นนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องผสานกับ Short TFEX มองเป็นปัจจัยกดดันเชิงจิตวิทยา ด้านตัวเลขนักท่องเที่ยวล่าสุดยังคงติดลบต่อเนื่อง YTD -7%YoY ยังคงประเมินตลาดเข้าสู่ช่วงพักฐาน

9

มิติหุ้น – ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 135 จุด (+0.3%) การใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายของ FED ยังเป็นปัจจัยหนุนตลาดแม้จะมีข่าวปลดคณะกรรมการผู้ว่า FED ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 2.3% ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวนเพราะนักลงทุนจับตารอดูมาตรการภาษีของสหรัฐฯโดยเฉพาะผลกระทบ

เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯประกาศดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคพบว่าดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้แต่ก็ยังดูลดลงในเดือนก่อน ในรายละเอียดแผนการซื้อรถยนต์เพิ่มขึ้นในเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้นทั้งรถใหม่และรถมือสองต่างก็เพิ่มขึ้นแต่แผนการซื้อบ้านทรงตัวจากที่ลดลงในเดือน ก.ค. แต่โดยรวมแล้วก็เหมือนว่านักลงทุนมองในเชิงผ่อนคลายเพราะเห็นการปรับลงของ US Bond Yield ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะว่านักลงทุนคาดหวังถึงปัจจัยด้านดอกเบี้ย CME FED Watch ให้น้ำหนักราว 87% ที่ FED จะลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายนและลดอีกครั้งในเดือนธันวาคมรวมทั้งหมดแล้วลด 2 ครั้งในปี 25 นอกจากตัวเลขเศรษฐกิจแล้วก็เป็นเรื่องของหุ้นรายตัวเฉพาะอย่างเมื่อคืน Eli Lilly ปรับขึ้นเด่นหลังมีรายงานว่ายาเม็ดลดน้ำหนัก Orforglipron จากการทดลอง Phase 3 ค่อนข้างให้ผลการทดลองที่ดีและช่วยให้ผู้ทดลองร่วมกับโรคเบาหวานลดน้ำหนักเฉลี่ย 10.5% หรือราวๆ 23 ปอนด์ภายในระยะเวลา 72 สัปดาห์ ส่วนคืนนี้รอติดตามสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ Bloomberg Consensus คาดการณ์ไว้ที่ -1.7 ล้านบาร์เรล

ด้านปัจจัยในประเทศยังไร้ปัจจัยที่มีนัยยะต่อการลงทุนเพราะนักลงทุนรอดูสถานการณ์การเมืองในประเทศ โดยเฉพาะในวันศุกร์ แต่อย่างไรก็ตามวานนี้มีการประกาศจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วง 1 ม.ค. – 24 ส.ค. สะสมที่ 21.3 ล้านราย (-7.1%YoY) และรายสัปดาห์ -8%WoW โดยนักท่องเที่ยวจีนลดลง -3%WoW มาเลเซีย -6.5%WoW ยังคงไม่มีสัญญาณฟื้นตัวที่ดีของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ เมื่อผสานกับส่งออกไทยที่เริ่มขยายตัวลดลงทำให้เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวอย่างจำกัด วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1240 – 1260 เริ่มเห็นแรงขายต่อเนื่องของนักลงทุนต่างชาติพร้อมกับการเปิดสถานะ Short 1.6 หมื่นสัญญา สะท้อนมุมมองเชิงลบแม้ส่วนหนึ่งจะเป็นเพราะปรับน้ำหนัก MSCI ก็ตามแต่นักลงทุนต่างชาติก็ขายมาแล้ว 10 วันทำการติดต่อเมื่อประกอบกับหุ้นไทยที่ไม่ถูกเท่าใดนัก ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนจึงยังแนเพิ่มความระมัดระวังเช่นเดิมแต่ระยะสั้นเลือก Trading ในหุ้นที่ได้ปัจจัยหนุนจากดอกเบี้ยปรับลง อาทิ การเงิน (MTC SAWAD) อสังหาฯ (AP SPALI) หุ้นที่มีหนี้สูง (CPALL) และโรงไฟฟ้าเป็นอีกกลุ่มที่ได้ประโยชน์ (BGRIM GPSC) กลุ่ม Defensive (BDMS)

AMATA (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 33.50 บาท)

ฐาน Backlog ที่สูงถึง 25,000 ล้านบาท ทำให้แนวโน้มผลประกอบการในช่วง 1-2 ปียังไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากการชะลอการตัดสินใจซื้อที่ดินของลูกค้า และทำให้การขายที่ดินนับถึงปัจจุบันของ AMATA ทำได้เพียง 800 ไร่ ยังต่ำกว่าเป้าที่บริษัทตั้งไว้ที่ 3,000 ไร่ค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตามในระยะกลางด้วยความต้องการที่ดินในอุตสาหกรรม Data Center ที่ยังมีการเจรจาอยู่มาก จะทำให้การขายที่ดินยังมีโอกาสเห็นการเพิ่มขึ้นได้ในอนาคต

MTC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 45.00 บาท)

ผลการดำเนินงานใน 2Q25 แข็งแกร่ง กำไรสุทธิอยู่ที่ 1.65 พันล้านบาท (+14% YoY, +5% QoQ) และ NPL ratio ลดลงเหลือ 3.6% แนวโน้มผลการดำเนินงานใน 2H25 คาดจะขยายตัวต่อเนื่องทั้ง YoY และ HoH หนุนจากสินเชื่อขยายตัว และต้นทุนการเงินลดลงจากทิศทางดอกเบี้ยลดลง

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon