
มิติหุ้น – ตลาดหุ้น Dow Jones และตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ปิดทำการเนื่องในวันแรงงานของสหรัฐฯ
เมื่อคืนที่ผ่านมามิได้มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ เนื่องด้วยเป็นวันหยุดของธนาคารตามวันแรงงาน แต่ตลาดหุ้น EU ส่วนใหญ่ปรับขึ้นแต่ก็เป็นปัจจัยเฉพาะตัวจากแรงหนุนหุ้นกลุ่มป้องกันประเทศ โดยคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะกลับมาเปิดทำการและมีตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตามได้แก่ดัชนี ISM ภาคผลิต Bloomberg Consensus คาดการณ์ไว้ที่ 49
ส่วนปัจจัยในประเทศวานนี้พบว่า SET ปรับขึ้นมา 0.6% แรงซื้อเด่นจากกลุ่มบริโภคภายในประเทศ (CPALL +2.3%, CPN +3.4%, CRC +6.6%, HMPRO +6.3%, GLOBAL +9%) เชื่อว่าตลาดกำลังให้น้ำหนักกับรัฐบาลชุดใหม่ที่มีแนวโน้มจะเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจ ข้อมูลล่าสุดจากประธานสภาระบุว่าการเลือกนายกรัฐมนตรีน่าจะเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 4-5 กันยายน ตัวแปรสำคัญยังคงอยู่ที่พรรคประชาชน
ซึ่งวานนี้ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนว่าจะมีแนวโน้มโหวดให้กับพรรคไหนวันนี้ทางพรรคประชาชนจะประชุมกันอีกครั้ง ทำให้เมื่อประกอบกับปัจจัยในประเทศที่ยังไม่ชัดเจนและต่างประเทศก็ไร้ปัจจัยใหม่ SET INDEX จึงน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆแต่ก็ไม่ถึงกับปรับลงแรงเพราะตลาดน่าจะคาดหวังถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ แม้อาจจะเป็นเพียงระยะสั้นก็ตามแต่หากดูที่ Valuation YTD กลุ่มนี้ปรับลงมา 24.7% Underperform SET INDEX ที่ -11%
มองอีกมิติก็เชื่อว่า Price In แรงกดดันต่างๆไปมากแล้วไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวลดลง เศรษฐกิจขยายตัวต่ำ หนี้ครัวเรือนที่สูง ล่าสุดซื้อขายเพียง 16.5xPE จึงมองว่าอาจเป็นกลยุทธ์สะสมบางส่วนเพื่อรอการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในช่วงถัดไป Top Pick (CPALL, CPN)
วันนี้ประเมิน SET เคลื่อนไหวกรอบ 1235 – 1255 ดัชนีอาจเคลื่อนไหวในกรอบแคบเพื่อรอดูความชัดเจนการเมืองประกอบกับต่างประเทศไร้ปัจจัยใหม่ๆ จากการที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทำการ แต่หากระหว่างวันมีความชัดเจนเกี่ยวกับการเมือง โดยเฉพาะความเห็นจากพรรคประชาชนที่ชัดเจนก็อาจมีแรงหนุนกลับเข้ามา ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนแม้อาจปัจจัยบวกเกี่ยวกับความคาดหวังรัฐบาลชุดใหม่แต่การฟื้นตัวของดัชนียังมี Upside จำกัดเช่นเดิมเพราะทิศทางเศรษฐกิจยังไม่แข็งแกร่ง แต่ระยะสั้นอาจเลือก Trading กลุ่มค้าปลีก (BJC, CRC, CPALL, HMPRO, CPN) รับกับความคาดหวัง (ระยะสั้น) ที่อาจเห็นการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการบริโภค นอกจากนี้กลุ่มอื่นๆ ก็ได้ปัจจัยหนุนเช่นกัน อาทิ ธนาคาร (BBL, KBANK, KTB, SCB) อสังหาฯ (AP, SPALI) การเงิน (MTC, SAWAD)
CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 78.00 บาท)
รายงานกำไรสุทธิ 2Q25 ที่ 6.8 พันล้านบาท (+9%YoY) หลังตัดรายการพิเศษมีกำไรปกติ 7 พันล้านบาท (+14%YoY, -7%QoQ) ใกล้เคียงกับที่เราและตลาดคาดหนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น 30 bps YoY แม้คาดว่าการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมของ 7-11 จะชะลอตัวเล็กน้อย YoY ที่ 0.8% และอัตราส่วนค่าใช้จ่ายการขายและบริหารต่อยอดขายสูงขึ้น 20 bps YoY
CPN (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 80.00 บาท)
CPN รายงานกำไรสุทธิงวด 2Q25 ดีกว่าคาด 4% เพราะการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ดีทำให้กำไรขั้นต้นและค่าใช้จ่ายในการบริหารดีกว่าที่คาดไว้ มีกำไรสุทธิที่ 4,305 ล้านบาท (-6%YoY,+2%QoQ) เมื่อพิจารณารายธุรกิจเทียบกับปีก่อนธุรกิจหลักอย่างการให้เช่าและบริการยังเติบโตได้ แต่แรงกดดันหลักยังเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ลดลง ทั้งนี้เราคาดว่าในช่วง 2H25 ผลประกอบการมีโอกาสเห็นการเพิ่มขึ้นจาก 1H25
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon