Pi Daily ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผันผวนหลังจากศาลอุทรณ์ประเมินว่าภาษีของทรัมป์ไม่ชอบด้วยกฎหมายผสานกับดอกเบี้ยมีแนวโน้มปรับลง หนุนราคาทองคำทำ ATH เกินกว่า 3500 สำหรับในประเทศรอติดตามท่าทีการเมือง

13
มิติหุ้น – ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 249 จุด (-0.55%) กังวลกับความไม่แน่นอนเกี่ยวกับทิศทางภาษีของ Trump หลังศาลอุทรณ์มีคำวินิจฉัยว่าอาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 1.5% หลังจากสหรัฐฯ ออกมาตรการคว่ำบาตรมุ่งเป้าที่รายได้จากน้ำมันของอิหร่าน
เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯ ประกาศตัวเลข ISM PMI ภาคผลิตที่ระดับ 48.7 ต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์เล็กน้อยที่ 49 แต่อย่างไรก็ตามนักลงทุนให้น้ำหนักปัจจัยด้านภาษีมากกว่าเพราะเริ่มมีความไม่แน่นอนว่าศาลของสหรัฐฯจะตัดสินใจอย่างไรหรือรัฐบาลทรัมป์จะต้องคืนเงินภาษีบางส่วนให้กลับไป กดดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุยาว (30 ปี) ปรับขึ้นเพราะความกังวลภาระหนี้สินของภาครัฐตามรายได้ที่อาจลดลง และด้วยความกังวลต่างๆ ทำให้ราคาทองคำปรับขึ้นเหนือระดับ 3500 ทดสอบระดับ 3539 $ / ออนซ์ ประกอบกับปัจจัยหนุนเกี่ยวกับความคาดหวังลดดอกเบี้ยของ FED เป็นอีกปัจจัยหนุนราคาทองคำ ความเห็นจาก CME FED Watch
ล่าสุดให้น้ำหนัก 91.7% ที่ FED จะปรับลดดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. สำหรับปัจจัยในประเทศวันนี้รอติดตามความคืบหน้าทางการเมืองซึ่งพรรคประชาชนจะแถลงจุดยืนช่วงเวลา 9.30 หากพรรคประชาชนตัดสินใจเลือกคุณอนุทินขึ้นเป็นนายกจะทำให้บรรยากาศการเมืองดูผ่อนคลายมากขึ้นและเชื่อว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาโดยเฉพาะการบริโภคแม้รัฐบาลอาจจะมีเวลาบริหารประเทศไม่นานก็ตาม (4 เดือน)
ขณะเดียวกันก็ต้องติดตามท่าทีของพรรคเพื่อไทย (รักษาการ) เพราะมีบางสำนักข่าวระบุว่าอาจตัดสินใจยุบสภา หากตัดสินยุบสภาแล้ว คณะรัฐมนตรีจะรักษาการต่อไปจนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ามา แต่อย่างไรก็ตามอำนาจของรักษาการจะถูกจำกัดและไม่สามารถอนุมัติโครงการที่มีผลผูกพันกับรัฐบาลชุดถัดไปพร้อมกับจะต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ภายในกรอบเวลาไม่น้อยกว่า 45 วันแต่จะไม่เกิน 60 วัน (นับจากวันยุบสภา) และในส่วนของเศรษฐกิจพบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติยังไม่ฟื้นตัว (YTD -7.2%YoY) และรายสัปดาห์พบว่าจีนลดลงมากถึง -24%WoW สะท้อนว่านักท่องเที่ยวจีนยังไม่กลับมาอย่างมีนัยยะ มองเป็นปัจจัยกดดันต่อเศรษฐกิจไทย
วันนี้ประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1240 – 1260 รอดูท่าทีการเมืองในวันนี้ (ปัจจัยหลัก) แต่ไม่ว่าอย่างไรพื้นฐานทั้งกำไรบริษัทจดทะเบียนและเศรษฐกิจยังจำกัด Upside ของดัชนี ในเชิงกลยุทธ์การลงทุน หากมีข่าวบวกจากเรื่องการเมืองยังมองเป็นโอกาสลดพอร์ตการลงทุน แต่หากมองที่การลงทุนระยะสั้นเลือกกลุ่มที่คาดหวังจะได้ประโยชน์จากการออกมาตรการกระตุ้นของภาครัฐ อาทิ ค้าปลีก (BJC, CRC, CPALL, HMPRO) ศูนย์การค้า (CPN) การเงิน (MTC, SAWAD) ธนาคาร (SCB)
CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 78.00 บาท)
รายงานกำไรสุทธิ 2Q25 ที่ 6.8 พันล้านบาท (+9%YoY) หลังตัดรายการพิเศษมีกำไรปกติ 7 พันล้านบาท (+14%YoY, -7%QoQ) ใกล้เคียงกับที่เราและตลาดคาดหนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น 30 bps YoY แม้คาดว่าการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมของ 7-11 จะชะลอตัวเล็กน้อย YoY ที่ 0.8% และอัตราส่วนค่าใช้จ่ายการขายและบริหารต่อยอดขายสูงขึ้น 20 bps YoY
SCB (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 137.00 บาท)
ชอบที่ SCB มุ่งมั่นในการเพิ่ม ROE และรักษาผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นด้วยการจ่ายเงินปันผลสูง โดยคาดผลตอบแทนเงินปันผลสูงสุดในกลุ่มธนาคารที่ 9.2% และคาดกำไรสุทธิปี 2025 จะเติบโตโดดเด่นที่สุดในกลุ่มธนาคารใหญ่ที่ 7.2% ในปี 2025 สำหรับแนวโน้มใน 2H25 คาดกำไรจะทรงตัว YoY แต่จะปรับลดลง HoH

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon