มิติหุ้น – ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี ผนึกกำลังเพื่อขยายระบบนิเวศการเงินเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Finance) มุ่งสนับสนุนธุรกิจไทยให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนสีเขียว ด้วยการใช้ข้อมูล ESG พิจารณาสินเชื่อ และส่งเสริมให้ลูกค้าธนาคารมีระบบช่วยจัดการ คำนวณ และรายงานข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างมีประสิทธิภาพผ่านระบบ SETCarbon ซึ่งจะทำหน้าที่เป็น “พาสปอร์ต” ให้ธุรกิจทุกขนาดสามารถเข้าถึงสินเชื่อที่มีสิทธิประโยชน์มากกว่าสินเชื่อทั่วไป ความตั้งใจร่วมกันของตลาดหลักทรัพย์ฯ และ ทีทีบี จะเป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันให้ภาคธุรกิจบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน และเติบโตไปพร้อมกับการสร้างระบบการเงินที่ยั่งยืน
นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในยุคที่โลกกำลังเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ (ESG) โดยเฉพาะข้อมูลการบริหารจัดการสภาพภูมิอากาศ กลายเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจลงทุนและกำหนดนโยบาย การเปิดเผยข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วนจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของธุรกิจที่พร้อมปรับตัวเพื่อรับมือกับความเสี่ยงและคว้าโอกาสในการเติบโตอย่างยั่งยืน ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงได้พัฒนาระบบ SETCarbon เพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถยกระดับการเปิดเผยข้อมูลด้านการจัดการสภาพภูมิอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบัน มีบริษัทจดทะเบียน กว่า 300 แห่ง หรือคิดเป็น 33% ที่ใช้ระบบ SETCarbon ในการเปิดเผยข้อมูลด้านการจัดการสภาพภูมิอากาศ โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ มีแผนขยายการให้บริการดังกล่าวไปยังผู้ประกอบการธุรกิจทุกขนาดนอกตลาดหลักทรัพย์ รวมถึง SME ซึ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ
“ความร่วมมือกับทีทีบีครั้งนี้ นับเป็นอีกก้าวเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญในการพัฒนาระบบนิเวศทางการเงินที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำของประเทศในระยะยาว ภายใต้แผนการดำเนินงานของตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ จะขยายโอกาสให้ผู้ประกอบธุรกิจทุกขนาดรวมถึง SME ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของห่วงโซ่อุปทาน ได้ใช้ระบบ SETCarbon ในการจัดการ คำนวณ และรายงานข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เสมือนเป็น “พาสปอร์ต” ทำให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงสินเชื่อที่มีสิทธิประโยชน์มากกว่าสินเชื่อทั่วไปของทีทีบีได้ง่ายขึ้น ขณะเดียวกันทีทีบีจะมีข้อมูลเพียงพอในการพิจารณาปล่อยสินเชื่อสีเขียวให้ธุรกิจได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น” นายอัสสเดช กล่าว
นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า ทีทีบียึดมั่นในพันธกิจการดำเนินธุรกิจสู่การธนาคารเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Banking) ตามกรอบ B+ESG ที่ผสานธุรกิจและความยั่งยืนเป็นเนื้อเดียวกัน และพร้อมสนับสนุนให้ลูกค้าธุรกิจและ SME ปรับตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในกติกาใหม่ของโลก เพราะการมีข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ถูกต้อง โปร่งใส มีมาตรฐาน จะเป็นจุดเริ่มต้นในการวางแผนการลดคาร์บอนของธุรกิจในอนาคต ซึ่งจะสร้างข้อได้เปรียบให้ผู้ประกอบการมีความสามารถในการแข่งขัน เพิ่มโอกาสเข้าถึงทั้งเงินทุนและตลาดใหม่ ๆ สร้างความมั่นใจให้คู่ค้าและผู้บริโภค ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อยอดขายและความสามารถในการเติบโตระยะยาว โดยทางธนาคารได้ช่วยลูกค้าตั้งแต่การประเมินความเสี่ยงและผลกระทบทางธุรกิจ และสนับสนุนให้คำปรึกษาด้วยโซลูชันที่ตอบโจทย์การเปลี่ยนผ่านธุรกิจ
ตั้งแต่ปี 2562 จนถึงไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 ทีทีบีได้ปล่อยสินเชื่อเพื่อความยั่งยืนไปแล้วกว่า 78,000 ล้านบาท โดยในปี 2568 ธนาคารตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อเพื่อความยั่งยืน 35,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ธนาคารยังมอบองค์ความรู้เพื่อเตรียมความพร้อมให้ผู้ประกอบการไทยตระหนักถึงผลกระทบเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับปรับตัวและเปลี่ยนผ่านธุรกิจ ด้วยการจัดสัมมนาและการอบรมที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการขั้นตอนและวิธีการจัดทำคาร์บอนฟุตพรินต์ขององค์กรให้กว่า 500 บริษัทในปีที่ผ่านมา ซึ่งแพลตฟอร์ม SETCarbon จะเป็นเครื่องมือที่มาช่วยให้ลูกค้าธุรกิจของธนาคารที่ไม่ได้จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์สามารถคำนวณและจัดเก็บคาร์บอนฟุตพรินต์ได้อย่างเป็นระบบและมีมาตรฐานได้ดียิ่งขึ้น ช่วยในการเปลี่ยนผ่านให้ง่ายขึ้นกว่าเดิม โดยทีทีบี ในฐานะธนาคารพาณิชย์แห่งแรกที่เข้าร่วม ได้ช่วยขยายเครื่องมือนี้ไปยังลูกค้าในเครือข่ายของธนาคาร ซึ่งเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ในการนำข้อมูล ESG ไปใช้ประกอบในการพิจารณาสินเชื่อ โดยคัดเลือกกลุ่มลูกค้าให้เข้าร่วมโครงการ จำนวนกว่า 1,000 รายจากอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ อาทิ อุตสาหกรรมเคมี การขนส่ง อาหารและเครื่องดื่ม การโรงแรม เป็นต้น
ทั้งนี้ ความร่วมมือดังกล่าวครอบคลุมการเชื่อมต่อและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างสององค์กรเพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินการและเพิ่มโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุนสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการสนับสนุนด้านความยั่งยืน พร้อมร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการทางการเงิน ตลอดจนสิทธิประโยชน์แก่ผู้มีส่วนได้เสีย นอกจากนี้จะต่อยอดและพัฒนาระบบนิเวศด้านความยั่งยืนเพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยสามารถดำเนินงาน ปรับปรุง และพัฒนาแนวทางการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนวางแผนการจัดการด้านการลงทุนเพื่อบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนควบคู่กับการเติบโตทางธุรกิจ โดยเฉพาะการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อขับเคลื่อนผู้ประกอบการและประเทศไทยสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำอย่างเป็นรูปธรรม
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายพัฒนาบริการด้านความยั่งยืน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โทร. 0 2009 9897 หรือ 0 2009 9984 หรือ ศูนย์บริการลูกค้าธุรกิจ ทีทีบี โทร. 0 2643 7000 วันจันทร์ถึงวันเสาร์ 08:00-20:00 น. ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ และวันหยุดธนาคาร
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon