มิติหุ้น – กรุงเทพฯ – 4 กันยายน 2568 – บริษัท อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด จำกัด เปิดแผนธุรกิจครึ่งปีหลัง 2568 ภายใต้กลยุทธ์ “The Next Move” มุ่งสู่การเป็นผู้นำตลาดทองคำยุคดิจิทัล พร้อมเปิดบริการใหม่ “รับทองคำในต่างจังหวัด” ปักหมุดนำร่องที่เชียงใหม่ เพื่อสร้างระบบนิเวศทองคำครบวงจรที่เข้าถึงได้ โปร่งใส และยั่งยืน หลังครึ่งปีแรกเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากฐานลูกค้าบุคคลเพิ่มขึ้นถึง 70% และยอดดาวน์โหลดรวมของแอปพลิเคชัน Gold2Go และ InterGOLD ทะลุ 200,000 ครั้ง สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับความคล่องตัว ปลอดภัย และรับทองได้จริง
นายธีรรัฐ จุฑาวรากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด จำกัด เปิดเผยว่า “อินเตอร์โกลด์ไม่ได้มองตัวเองเพียงผู้ให้บริการซื้อ–ขายทองคำ แต่เรามุ่งสร้างระบบนิเวศการลงทุนทองคำที่แข็งแกร่งและยั่งยืน ครอบคลุมทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เป้าหมายของเราคือการยกระดับประสบการณ์ลงทุนให้เข้าถึงง่าย โปร่งใส และปลอดภัย เพื่อให้นักลงทุนรายย่อยและร้านทองพันธมิตรทั่วประเทศมั่นใจเลือกเราเป็น ‘พาร์ตเนอร์’ ในทุกช่วงการลงทุน”
ในช่วงครึ่งปีแรก InterGOLD เติบโตอย่างโดดเด่น ฐานลูกค้าบุคคลขยายเพิ่มขึ้นถึง 70% ขณะที่ยอดดาวน์โหลดรวมของแอป Gold2Go (B2C) และ InterGOLD (B2B) ทะลุ 200,000 ครั้ง ตอกย้ำภาพผู้นำการลงทุนทองคำยุคใหม่ที่ผสานเทคโนโลยี ความปลอดภัย และองค์ความรู้เข้าด้วยกันอย่างครบวงจร สอดรับกับพฤติกรรมนักลงทุนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับความคล่องตัวและความน่าเชื่อถือ สามารถเทรดทองได้ตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ พร้อมเสริมความมั่นใจในแบรนด์ InterGOLD ด้วยบริการรับทองได้จริง
สำหรับปี 2568 บริษัทตั้งเป้ายอดขายเติบโตไม่น้อยกว่า 10% โดยครึ่งปีหลังจะเร่งขยายเครือข่ายพันธมิตรทองคำ (B2B) กว่า 3,000 ร้านทั่วประเทศ เพื่อปฏิวัติประสบการณ์ลงทุนที่เพิ่มความสะดวกให้ลูกค้า “รับทองคำได้ไว ไม่ต้อง มากรุงเทพฯ” ผ่านพันธมิตรของ InterGOLD ทั่วประเทศ เริ่มจากจังหวัดนำร่องที่เชียงใหม่ โดยมีจุดบริการอยู่ที่ห้างทองเสือมังกรในตลาดวโรรส ก่อนต่อยอดสู่หัวเมืองเศรษฐกิจสำคัญทั่วประเทศ เพื่อตอบโจทย์โมเดลการลงทุนยุคใหม่ สอดรับกับแพลตฟอร์มปัจจุบันที่ให้ลูกค้าเริ่มต้นซื้อทองได้ด้วยเงิน 100 บาท และสามารถรับทองจริงได้ตั้งแต่ 0.5 กรัม (มูลค่าไม่เกิน 2,000 บาท) ที่หน้าร้านในกรุงเทพฯ และบริการจัดส่งทางไปรษณีย์ EMS ที่มีระบบติดตามและประกันภัยเต็มรูปแบบ
ขณะเดียวกัน InterGOLD กำลังพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวสู่การเป็น All-in-One Digital Gold Ecosystem ที่ครบวงจร โดยได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ เช่น ระบบช่วยซื้อ-ขายอัตโนมัติ และฟีเจอร์ Gamification ที่ช่วยเพิ่มความสนุกและส่งเสริมการมีส่วนร่วม นอกจากนี้ยังได้จับมือกับธนาคารพาณิชย์ชั้นนำเพื่อเชื่อมต่อระบบ Open Banking และยกระดับความปลอดภัยด้วยมาตรการยืนยันตัวตนแบบดิจิทัล (e-KYC) รวมถึงระบบ Cybersecurity ขั้นสูง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในทุกธุรกรรม
นอกเหนือจากธุรกิจเชิงพาณิชย์ อินเตอร์โกลด์ยังเสริมบทบาท Thought Leader ด้วยการให้ความรู้ด้านการลงทุนทองคำอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นช่อง YouTube “InterGOLD” ที่มีผู้ติดตามกว่า 100,000 คน เป็นที่นิยมจนคว้า Silver Play Button ในปี 2025 หรือการจัดสัมมนาและเวิร์กช็อป เพื่อเสริมทักษะการลงทุนของคนไทยทุกกลุ่มให้มีความรู้และสามารถตัดสินใจซื้อ-ขายภายใต้สภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
“อินเตอร์โกลด์มุ่งมั่นพัฒนาแพลตฟอร์มทองคำดิจิทัลให้ครบวงจรที่สุด เพื่อตอบโจทย์นักลงทุนทุกรูปแบบ ตั้งแต่นักลงทุนที่ทยอยซื้อ-ขาย หรือออมทองที่เริ่มต้นเพียงหลักร้อยบาท ไปจนถึงนักลงทุนรายใหญ่และร้านค้าร้านทองที่ต้องการระบบจัดการแบบเรียลไทม์ด้วยบริการซื้อขายที่เข้าถึงได้ตลอด 24 ชั่วโมง 7 วัน ไม่มีสะดุดทุกการซื้อขาย การเดินหน้าขยายบริการ พื้นที่ และเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของบริษัทในฐานะหนึ่งในผู้กำหนดทิศทางตลาดทองคำไทย ที่มุ่งสร้างระบบนิเวศทองคำที่มั่นคง โปร่งใส และยั่งยืนในระยะยาว” นายธีรรัฐ กล่าวทิ้งท้าย
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon