โดยมีข้อเสนอแนะตลอดจนแนวทางการใช้งาน Digital ID ที่ครอบคลุมการทำธุรกรรมออนไลน์ ในกลุ่มนิติบุคล
คนต่างด้าว กลุ่มคนเปราะบาง ตลอดจนมีแนวทางในการทำงานร่วมกันของ VC and Digital Document Wallet แล้ว มีผู้ให้บริการ Digital ID ที่ได้รับอนุญาตแล้ว 26 ใบอนุญาต มี Sub CA ที่ผ่านการรับรอง จาก NRCA ทำหน้าที่ออกใบรับรองดิจิทัล 3 ราย สนับสนุนให้เกิดการเชื่อมต่อ e-Service ภาครัฐแล้ว 1,315 บริการ (เป็นบริการสำคัญที่ต้องใช้ Digital ID ตามหลักเกณฑ์ของ สพร.) ครอบคลุมธุรกรรมที่สำคัญๆ เช่น เสียภาษี ย้ายทะเบียนบ้าน จองทะเบียนรถ จ่ายค่าน้ำไฟ และเช็กสิทธิรักษาพยาบาล และอีกหลายบริการ ส่งผลให้มีผู้ใช้งาน Digital ID เพิ่มขึ้นถึง 151.1 ล้านบัญชี พร้อมเปิดเวทีจัด Hackathon ปลดล็อกธุรกรรมด้วย Digital ID Solution ใหม่ สำหรับกลุ่ม นิติบุคคล (มอบอำนาจ,e-Contract) คนต่างด้าว (พิสูจน์และยืนยันตัวตน) กลุ่มเปราะบาง (Care Giver ID ทำธุรกรรมโดยผู้แทน) สู่การต่อยอดใช้งานจริง
ด้วยข้อมูลที่สะท้อนภาพอนาคตธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ สู่ข้อเสนอแนะในเชิงนโยบาย อาทิ SMEs Digital Transformation Maturity Index, Value of e-Commerce Survey และผลการศึกษาการคาดการณ์อนาคตที่เกี่ยวข้อง พร้อมสนับสนุนหน่วยงานรัฐยกระดับงานเอกสารสู่อิเล็กทรอนิกส์ ผ่าน e-Saraban และ e-Signature ที่เชื่อมโยงการทำงานของหน่วยงานในกระทรวงดิจิทัลฯ เข้าด้วยกัน ลดการใช้กระดาษอย่างเป็นรูปธรรม สนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานสำคัญรองรับ พ.ร.บ. การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น Digital Certificate, e-Timestamp ให้คำปรึกษาและพัฒนาทักษะดิจิทัลแก่หน่วยงานรัฐให้การใช้เอกสารอิเล็กทรอนิกส์มีมาตรฐานและน่าเชื่อถือ ทั้งสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจแบบมุ่งเป้าในกลุ่ม SMEs ผ่านโครงการ SME Growth ขยายโมเดลติดสปีด SMEs เชิงพื้นที่ ‘ภาคกลาง (นครปฐม อยุธยา) และ ภาคอีสาน (ขอนแก่น)’ สร้างมูลค่าเศรษฐกิจกว่า 639 ล้านบาท เกิด Business Matching ระหว่าง SMEs และ Tech Provider รวม 55 คู่ เกิดกิจกรรม Solution Roadshow ลุย Workshop เข้ม แบบ Hands-on ครอบคลุม AI, e-Commerce, การเงินและบัญชี และร่วมพัฒนานวัตกรรมใหม่ผ่าน Digital Service Sandbox เกิดบริการดิจิทัลที่สำคัญ เช่น Digital ID, e-Document, e-Signature, e-Voting และ e-Timestamping ที่ผ่านการทดสอบแล้ว 8 ราย
ดร.ชัยชนะ กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินงานปี 2569 ETDA ชูวิสัยทัศน์ ‘ก้าวสู่อนาคต ด้วยดิจิทัลที่ทุกคนเชื่อมั่นได้’ ภายใต้บทบาท Co-Creation Regulator & Facilitator ที่เข้มข้นขึ้น เพื่อสร้าง Digital Trust เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันรองรับเศรษฐกิจดิจิทัล ให้ #คนไทยชีวิตดีเมื่อมีดิจิทัล อย่างยั่งยืน ผ่านการขับเคลื่อน 3 โจทย์ใหญ่
1.เสริมความเชื่อมั่น Digital Infrastructure and Ecosystem ใน 4 เรื่องสำคัญ คือ Digital ID ที่ตั้งเป้าเชื่อมโยง e-Service ภาครัฐ ไม่น้อยกว่า 1,464 บริการ ขยายการเชื่อมต่อในภาคเอกชน เช่น ท่องเที่ยวและแพลตฟอร์มดิจิทัล ขยายผลการใช้งานในนิติบุคคล ต่างด้าว และกลุ่มเปราะบาง ส่งเสริมให้เกิดการใช้งานและผู้ให้บริการ (รัฐ-เอกชน) ของเอกสารรับรองดิจิทัล (VC) และกระเป๋าเอกสารดิจิทัล (Document Wallet) ที่ใช้งานง่าย ปลอดภัย และน่าเชื่อถือ และร่วมผลักดันให้เกิดการดำเนินงานตามเป้า Digital ID Framework ระยะที่ 2 เป็นต้น e-Document ต้องมีกระบวนการเสริมความเชื่อมั่นในความน่าเชื่อถือของเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐและเอกชน ผ่านการตรวจรับรอง e-Document, E-Signature, Timestamp, National Root CA: NRCA และTrust Services อื่น ๆ พร้อมสร้าง Community ขยายการใช้งานอย่างเชื่อมโยง AI & Data Sharing รัฐและเอกชนมีมาตรฐาน แนวทาง กลไกในการแบ่งปันข้อมูลอย่างมีธรรมาภิบาล เกิด Use case การพัฒนาบริการใหม่ที่สร้างมูลค่า (นำร่องกลุ่ม Healthcare Finance Insurance) และ Cloud ที่มุ่งสนับสนุนรัฐ ให้พร้อมรองรับ Digital Government Transformation เปลี่ยนผ่านระบบงานและบริการดิจิทัลขึ้นสู่ระบบ Cloud ที่มีมาตรฐาน สอดคล้องตามนโยบาย Cloud First
2.เร่งเครื่อง AI เสริมศักยภาพไทยพร้อมสู่ศูนย์กลางภูมิภาค โดยมุ่งเน้นใน 3 ส่วน ได้แก่ AI Governance ดันมาตรฐาน เสริมศักยภาพการแข่งขันในองค์กร ให้ไทยพร้อมสู่ Regional Hub ผ่านการเร่งตั้งศูนย์ AIGPC เชื่อมโยงกับเครือข่ายความร่วมมือนานาชาติ พร้อมขยายผล AI Governance Framework & Guideline ในหน่วยงาน Regulator อื่นๆ หรือหน่วยงานเฉพาะทาง ร่วมกับ Service provider จัดทำ New Solution Package ที่ตอบโจทย์ ผลักดัน AI Ethics Testing & Sandbox พัฒนาแนวทางทดสอบโมเดล AI โดยเฉพาะ LLM ให้ใช้งานอย่างรับผิดชอบ และประเมินผลกระทบด้านจริยธรรม AI ผ่าน Ethical Impact Assessment (EIA) พร้อมศึกษาและจัดทำข้อเสนอทางกฎหมายใหม่ ๆ รองรับความท้าทายจากระบบอัตโนมัติ AI and Digital Transformation ติดสปีด ‘SMEs-ชุมชน’ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจดิจิทัลเชิงพื้นที่ มุ่งยกระดับ Digital Capability ของ SMEs และ Service Provider ใน 4 ภูมิภาค ร่วมกับพาร์ทเนอร์ขยายโมเดล ลงพื้นที่เสริมขีดความสามารถ ด้วย AI และ Digital ผ่านกิจกรรม Solution Matching, Workshop และ Training พร้อมผลักดันให้เกิด New Solution โดยเฉพาะ Trust Services ตั้งเป้าให้ SMEs ไม่น้อยกว่า 1,000 รายใน 4 ภูมิภาคใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในธุรกิจสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจในพื้นที่ไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท รวมถึง ขับเคลื่อนยกระดับชุมชนสู่การสร้างรายได้ และพัฒนาทักษะ AI & Digital Skill ให้คนไทยกว่า 10,000 คน พร้อมเร่งส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมด้วยข้อมูลที่สนับสนุนการมองภาพอนาคตดิจิทัลที่สำคัญสะท้อนความสามารถในการแข่งขัน เพื่อให้เทคโนโลยี AI เสริมธุรกิจ SMEs และชุมชน สู่พลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยทั้งระบบ AI Literacy & Protection สร้างภูมิคุ้มกัน ‘คนไทย-กลุ่มเปราะบาง-คนพิการ’ รู้ทันดิจิทัล ครอบคลุมทุกพื้นที่ ผ่านเครือข่าย EDC Trainers กว่า 2,000 คน ครอบคลุม 878 อำเภอ ส่งต่อความรู้สู่ประชาชนทุกกลุ่ม ไม่น้อยกว่า 60,000 คน พร้อมจัดกิจกรรมเสริมภูมิคุ้มกันภัยดิจิทัลผ่านสื่อประชาสัมพันธ์ที่เพิ่มการเข้าถึงไม่น้อยกว่า 5 ล้านครั้ง พร้อมพัฒนาหลักสูตร e-Learning & Specialized ครอบคลุม 4 โมดูล ของ EDC plus (Digital Use, Communication, Security, AI Literacy) เป็นต้น
3.ขยายกลไกร่วมกำกับ Digital Platform Services เพื่อบริการที่ทุกคนมั่นใจในทุกคลิก โดยจะเร่งเดินหน้าจัดทำมาตรฐานการกำกับดูแลแพลตฟอร์มดิจิทัลเพิ่มเติม เพื่อให้เป็น Best Practices สร้าง Self-Regulation ที่เหมาะสม พร้อมศึกษาความเสี่ยงและผลกระทบของบริการที่หลากหลายประเภทยิ่งขึ้น และเพิ่มกลไก Incentive จูงใจแพลตฟอร์มดิจิทัลให้ปฏิบัติตามกฎหมาย DPS เช่น การออกเครื่องหมายรับรองและเปิดพื้นที่บูรณาการการทำงานร่วมกันทุกภาคส่วน เพื่อขยายผล Implement กฎหมายลูก ภายใต้กฎหมาย DPS ยกระดับกลไกการกำกับดูแลบริการแพลตฟอร์มที่ทุกคนมีส่วนร่วม ผนวก 1212 ETDA เสริมความเชื่อมั่นแพลตฟอร์มดิจิทัล รองรับการร้องเรียน ให้คำแนะนำ จัดเก็บ–วิเคราะห์ข้อมูล พัฒนาแนวทางกำกับดูแล ขยายความร่วมมือทั้งในและต่างประเทศ เชื่อมโยงการรับเรื่อง แลกเปลี่ยนข้อมูล และจัดการปัญหา ตั้งแต่ เรื่องร้องเรียน แจ้งความออนไลน์ สินค้าไม่ได้มาตรฐาน จนถึงการ Take Down เนื้อหาเสี่ยง เป็นต้น
“ทั้งหมดนี้คือบทพิสูจน์ว่า ETDA ยังคงเดินหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อขับเคลื่อนประเทศสู่การทำธุรกรรมออนไลน์ที่รองรับสังคมและเศรษฐกิจดิจิทัล และในปีที่ 15 นี้ คือการเร่งเครื่องครั้งสำคัญ ภายใต้ความเชื่อมั่นว่า ‘ความไว้วางใจ’ คือรากฐานของทุกก้าวสู่อนาคต เราไม่เพียงร่วมผลักดันเศรษฐกิจที่เติบโต แต่ยังมุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยทุกคนด้วยดิจิทัลที่โปร่งใส ปลอดภัย และเป็นธรรม…ETDA จะไม่หยุดแค่การกำกับและส่งเสริม แต่จะร่วมสร้าง Digital Trust เคียงข้างทุกภาคส่วน พาคนไทยก้าวสู่อนาคต ด้วยดิจิทัลที่ทุกคนเชื่อมั่นได้ และ #ชีวิตดีเมื่อมีดิจิทัล” ดร.ชัยชนะ กล่าวทิ้งท้าย
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon