บล.บัวหลวง-BCAP เปิดตัว L&I ETFs กองทุนใหม่

12

มิติหุ้น – หลักทรัพย์บัวหลวง และ บลจ.บางกอกแคปปิตอล จับมือตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกันพัฒนา ผลิตภัณฑ์กองทุนรวม ETF ประเภท Leveraged & Inverse ETFs หรือ L&I ETFs อ้างอิงดัชนี SET50 Total Return Index (SET50 TRI) ครั้งแรกในประเทศไทย ด้วยการเปิดตัว 3 กองทุนใหม่ จัดตั้งโดย BCAP ครอบคลุมทั้ง Leveraged และ Inverse ETFs ตอกย้ำอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการพัฒนาตลาดทุนไทย เพื่อขยายทางเลือกการลงทุน พร้อมเพิ่ม โอกาสสร้างผลตอบแทนและบริหารจัดการพอร์ตได้อย่างมีประสิทธิภาพ เริ่มซื้อขายในตลาดหุ้นไทยวันแรก 26 ก.ย. 2568

          นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ กรรมการผู้จัดการ กิจการค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลักทรัพย์บัวหลวง และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บางกอกแคปปิตอล จำกัด หรือ BCAP จับมือกับ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์กองทุนรวม Exchange Traded Fund หรือ ETF ประเภทใหม่ Leveraged & Inverse ETFs (L&I ETFs) อ้างอิงดัชนี SET50 Total Return Index (SET50 TRI) เป็นครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อ สร้างโอกาสเพิ่มผลตอบแทนและบริหารความเสี่ยงของพอร์ตในสภาวะตลาดขาขึ้นและขาลง ทั้งนี้ การออก L&I ETFs เป็นไปตามการปรับปรุงเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่สามารถให้ผู้ลงทุน ทั่วไปศึกษาข้อมูลและลงทุน L&I ETFs ได้ โดยเกณฑ์ดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา

“ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ L&I ETFs ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในต่างประเทศ ทั้งสหรัฐอเมริกา, ยุโรป และฮ่องกง เนื่องจากสามารถเพิ่มผลตอบแทนและช่วยบริหารความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพในช่วงที่ตลาดผันผวน เราเชื่อว่า กองทุน L&I ETFs ชุดแรกของไทย จะเป็นหนึ่งก้าวสำคัญของพัฒนาการตลาดทุนไทยที่จะเข้ามาช่วยกระตุ้น สภาพคล่อง พร้อมเปิดโอกาสให้นักลงทุนไทยสามารถเข้าถึงเครื่องมือการลงทุนที่ทันสมัย ใช้งานง่าย และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ถือเป็นอีกหนึ่งอาวุธใหม่ของนักลงทุนที่จะช่วยให้การลงทุนมีความครบเครื่องมากยิ่งขึ้น” นายชัยพร กล่าว

นายชัยพร กล่าวต่อว่า ผลิตภัณฑ์ L&I ETFS เป็นกองทุนรวม ETF ประเภทใหม่ที่มุ่งหวังสร้างผลตอบแทนแบบทวีคูณ (Leveraged) หรือเป็นจำนวน “เท่า” และหากต้องการผลตอบแทน “ตรงกันข้าม” (Inverse) แบบจำนวนเท่า ก็สามารถทำได้ตาม การเปลี่ยนแปลงดัชนีอ้างอิงแบบรายวัน เหมาะสำหรับการลงทุนแบบเก็งกำไรระยะสั้น และผู้ลงทุนที่ติดตามและทบทวน สถานะการลงทุนของตนเองเป็นประจำทุกวัน มากกว่าการถือครองระยะยาวเหมือน ETF ทั่วไป เนื่องจากกองทุนมีการปรับฐาน ผลตอบแทนรายวัน หากถือครองเกินกว่าหนึ่งวัน อาจทำให้ผลตอบแทนรวมที่ได้รับไม่สอดคล้องกับอัตราทวีคูณของดัชนีโดยตรง โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง

ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ L&I ETFs แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ 1.Leveraged ETFs ซึ่งเป็น ETF ที่ออกแบบมาเพื่อช่วย เพิ่มผลตอบแทนในช่วงตลาดขาขึ้น โดยมีเป้าหมายสร้างผลตอบแทนรายวันแบบทวีคูณ เช่น 2 เท่า (2X) เหมาะสำหรับนักลงทุน ที่มั่นใจในทิศทางตลาดและต้องการขยายโอกาสทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของดัชนี เช่น หากดัชนี SET50 TRI รายวันปรับตัว ขึ้น 1% กองทุนประเภทนี้ที่มีเป้าหมายสร้างผลตอบแทน 2 เท่า ก็จะมีผลตอบแทนรายวันปรับขึ้นประมาณ 2% ในทางกลับกัน หากดัชนี SET50 TRI รายวันปรับตัวลง 1% ผลตอบแทนรายวันของกองทุน Leveraged ETFs จะปรับลดลงประมาณ 2%

2. Inverse ETFs เป็น ETF ที่ออกแบบมาเพื่อสร้างผลตอบแทนรายวันในทิศทางตรงกันข้ามกับตลาด เช่น -1 เท่า (11) หรือ -2 เท่า (21) เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างกำไรจากการคาดว่าตลาดจะปรับตัวลง หรือผู้ที่ต้องการใช้เป็นเครื่องมือ บริหารความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน เช่น หากดัชนี SET50 TRI รายวันปรับตัวลง 1% กองทุนประเภทนี้ที่มีเป้าหมายสร้าง ผลตอบแทนในทางตรงกันข้าม 2 เท่า ก็จะมีผลตอบแทนรายวันปรับขึ้นประมาณ 2% ในทางกลับกัน หากดัชนี SET50 TRI รายวันปรับตัวขึ้น 1% ผลตอบแทนรายวันของกองทุน Inverse ETFs จะปรับลดลงประมาณ 2%

“หลักทรัพย์บัวหลวง ในฐานะหนึ่งในบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย ซึ่งมีประสบการณ์ด้านการพัฒนา นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ทางการเงินมานานกว่า 10 ปี ทั้งการเป็นผู้ออก DW และผู้ออก DR รายแรกในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2561 นักลงทุนจึงมั่นใจได้ว่า เรื่องการดูแลสภาพคล่อง (Market Maker) ของกองทุน L&I ETFs ที่จัดตั้งโดยบลจ.บางกอกแคปปิตอล จะดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด” นายชัยพร กล่าว

ด้าน นางเมธ์วดี ประเสริฐสินธนา กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บางกอกแคปปิตอล จำกัด กล่าวเสริมว่า กองทุน L&I ETFs อ้างอิงดัชนี SET50 TRI จำนวน 3 กองทุน ซึ่งบลจ.บางกอกแคปปิตอล ได้จัดตั้งและเสนอขาย ต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน โดยกองทุนที่เปิด เสนอขาย ประกอบด้วย

1. กองทุน Leveraged ETF ในชื่อ “2X01BSET50” มีเป้าหมายสร้างผลตอบแทนแบบทวีคูณจำนวน 2 เท่า ของผลตอบแทนรายวันของดัชนี SET50 TRI เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่เชื่อมั่นใจว่า ตลาดอยู่ในช่วงขาขึ้นที่ชัดเจน และต้องการสร้างผลตอบแทนรายวันที่สูงกว่าการลงทุนในดัชนีโดยตรง

2. กองทุน Inverse ETF ในชื่อ “1101BSET50” มีเป้าหมายสร้างผลตอบแทนตรงกันข้ามแบบ -1 เท่าของ ผลตอบแทนรายวันของดัชนี SET50 TRI เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการบริหารความเสี่ยงของพอร์ตหุ้น เมื่อมองว่าตลาดมีแนวโน้มปรับตัวลดลง

3. กองทุน Inverse ETF ในชื่อ “2101BSET50” มีเป้าหมายสร้างผลตอบแทนตรงกันข้ามแบบ -2 เท่าของ ผลตอบแทนรายวันของดัชนี SET50 TRI เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มั่นใจว่าตลาดกำลังเข้าสู่ขาลงอย่างชัดเจน และต้องการเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนในภาวะตลาดขาลง

“กองทุน L&I ETFs อ้างอิงดัชนี SET50 TRI ชุดแรกของไทย จะช่วยตอบสนองความต้องการของนักลงทุนที่มองหา เครื่องมือการลงทุนที่ทันสมัยและสามารถใช้บริหารความเสี่ยงได้อย่างยืดหยุ่นในภาวะตลาดผันผวน อีกทั้งยังเชื่อมั่นว่ากองทุน ชุดนี้จะมีส่วนสำคัญในการกระตุ้นสภาพคล่องและยกระดับตลาด ETF ของไทยให้เติบโตทัดเทียมกับต่างประเทศ” นางเมธ์วดี กล่าว

ทั้งนี้ กองทุน L&I ETFs ทั้ง 3 กอง จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันศุกร์ ที่ 26 กันยายน 2568 โดยนักลงทุนสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนของกองทุน L&I ETFs ได้อย่างสะดวกเช่นเดียวกับหุ้นสามัญทั่วไป ผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์กับบริษัทหลักทรัพย์ทุกแห่ง อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://www.bualuang.co.th/

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon