Pi Daily วานนี้ตลาดหุ้นไทยปรับลงแต่ยังไม่เห็นปัจจัยกดดันอย่างมีนัยยะเชื่อว่าเป็นเพียงแรงทำกำไรปกติ ระยะสั้นมองกลุ่มธนาคารกลับมาน่าสนใจจากการเร่งขึ้นของ US Yield ประกอบกับราคาหุ้นยังไม่แพง

21

มิติหุ้น – ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 0.14% ดัชนีหลักทั้ง 3 ปรับขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์เพราะได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่ม Technology ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 0.2% หลังมีรายงานว่าอิรักผู้ผลิตน้ำมันอันดับของกลุ่ม OPEC+ เพิ่มการส่งออกน้ำมัน

เมื่อคืนที่ผ่านมามิได้มีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯแต่เป็นเพียงการเคลื่อนไหวรายตัวของหุ้นสหรัฐฯโดยเฉพาะ Technology หลังมีรายงานออกมาว่า NVIDIA ได้ลงทุนใน ChatGPT ราว 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อสนับสนุนการสร้าง Data Center พร้อมกับโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการทำงานของ AI ระยะสั้นมองเป็นบวกกับหุ้นไทยอย่าง DELTA ส่วนการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์อย่าง Bond Yield พบว่าเริ่มเห็นการเร่งตัวขึ้นมาบ้างจากจุดต่ำสุดอาจเป็นเพราะว่า FED ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยจากนี้ไม่มากนักและเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังแข็งแกร่ง โดยคืนนี้รอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ประกอบไปด้วยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อเบื้องต้น (Flash PMI)

Bloomberg Consensus คาดการณ์ไว้ที่ 52.2 สำหรับภาคผลิตและ 54 สำหรับภาคบริการ และในขณะเดียวกันจะมีการแถลงจากท่านประธาน FED ในช่วงเวลากลางคืนของประเทศไทย แต่เชื่อว่าไม่มีผลอะไรมากนักเพราะนักลงทุนคงคาดหวังว่าถ้อยแถลงจะใกล้เคียงกับที่ประชุม FED รอบก่อน

ด้านปัจจัยในประเทศวานนี้ SET INDEX ปรับลงมา 0.8% รับแรงกดดันหลักๆ จากหุ้น GULF, THAI, PTT, ADVANC ซึ่งเป็นการทำกำไรในหลายๆ Sector สะท้อนว่าไม่ได้มีข่าวใดที่มีนัยยะกับการลงทุนเป็นเพียงการขายทำกำไรปกติ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะว่าราคาหุ้นที่ปรับขึ้นมาสูง (SET INDEX ฟื้นขึ้นมา 4.2% จากจุดต่ำสุด) แต่ในขณะเดียวกันฝั่งรัฐบาลก็เดินหน้าพบปะกับกลุ่มต่างๆ ต่อเนื่อง อย่างวานนี้ เดินทางไปพบกับสมาคมธนาคารได้ใจความว่าหารือกันเกี่ยวกับการแก้หนี้ พร้อมกับการดึงเศรษฐกิจนอกระบบเข้าสู่ระบบ มองเป็นบวกระยะสั้นกับกลุ่มธนาคารพาณิชย์ (BBL, KBANK, KTB, SCB)

วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1275 – 1295 เริ่มเห็นแรงทำกำไรออกมาบ้างแต่ยังมองเป็นเพียงแรง Take Profit ทั่วไปเพราะยังไม่เห็นข่าวใดๆที่กดดันตลาดหุ้นไทยอย่างมีนัยยะ โดยมองกลุ่ม Bank น่าสนใจจากเงินปันผลสูงและได้ประโยชน์ระยะสั้นจากการปรับขึ้นของ Yield (BBL, KBANK, KTB, SCB) กลุ่มค้าปลีก (CPALL, CPAXT, HMPRO) รับปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นภาครัฐ กลุ่มการเงิน (MTC) จังหวะปรับฐานยังมองเป็นโอกาสจาก Theme ดอกเบี้ยลง

SCB (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 137.00 บาท)

SCB มุ่งมั่นในการเพิ่ม ROE และรักษาผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นด้วยการจ่ายเงินปันผลสูง โดยคาดผลตอบแทนเงินปันผลสูงสุดในกลุ่มธนาคารที่ 9.2% และคาดกำไรสุทธิปี 2025 จะเติบโตโดดเด่นที่สุดในกลุ่มธนาคารใหญ่ที่ 7.2% ในปี 2025

BBL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 149.00 บาท)

BBL มีพื้นฐานการเงินแข็งแกร่งทั้ง Coverage ratio สูงที่ 284% และเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงสูง 22% รองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้นกระทบต่อการขยายตัว และที่สำคัญภาระสำรองหนี้ฯ ระดับสูง

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon