OSP “เปลี่ยนวิสัยทัศน์สู่ผลลัพธ์” โอสถสภาประกาศความสำเร็จ ESG ระยะแรก เปิดแผนยั่งยืน 2573 ขยายสู่การ ‘พัฒนาคน’ และ ‘ลดของเสีย’ ตลอดห่วงโซ่อุปทาน

14

มิติหุ้น – ผลิตภัณฑ์ของโอสถสภาเข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของคนไทยมากว่า 130 ปี แต่ความผูกพันนี้ไม่ได้เป็นเพียงการส่งมอบผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีแก่ผู้คนเท่านั้น โอสถสภาได้บูรณาการการดำเนินธุรกิจเข้ากับการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติด้วยแนวคิดว่า ‘ธุรกิจต้องเติบโตไปพร้อมกับการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม’ จากก้าวแรกในปี 2562 ที่โอสถสภาได้วางกรอบการดำเนินงานด้านความยั่งยืน (ESG) ไว้ 5 ด้าน  พร้อมตั้งเป้าหมายและมีกระบวนการติดตามผลที่ชัดเจน ปลูกฝังดีเอ็นเอด้านความยั่งยืนจากผู้บริหารสู่พนักงานทุกคนทั่วองค์กร ทำให้วันนี้โอสถสภาได้บรรลุเป้าหมายความยั่งยืนระยะแรก  ‘เปลี่ยนวิสัยทัศน์สู่ผลลัพธ์’ ในการเป็นพลังเพื่อเสริมสร้างชีวิต

อร่อยและสุขภาพดีไปพร้อมกัน

ผู้บริโภคเปลี่ยนมาใส่ใจและรักสุขภาพมากขึ้น  โอสถสภาได้ตั้งเป้าหมาย  การส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีแก่ผู้บริโภค (Consumer Health and Well-Being) คิดค้นนวัตกรรมปรับสูตรเครื่องดื่มทั้งหมดให้มีปริมาณน้ำตาลลดลง  จากเดิมเฉลี่ย 12.5% จนเหลือต่ำกว่า 6%  โดยยังคงรสชาติความอร่อย  พร้อมเพิ่มคุณประโยชน์เพื่อเป็นตัวเลือกที่ดีต่อสุขภาพ สอดคล้องกับนโยบายภาครัฐในการรณรงค์ให้ประชาชนลดการบริโภคน้ำตาล  ยืนยันบทบาทของบริษัทฯ ในการเป็นผู้นำด้านการดูแลสุขภาพของผู้บริโภคอย่างแท้จริง

ลดที่เรา เบาที่โลก

โอสถสภาตั้งเป้าหมาย ด้านบรรจุภัณฑ์ยั่งยืน (Sustainable Packaging) บรรจุภัณฑ์ทั้งหมดต้องสามารถนำไปรีไซเคิล หรือนำกลับไปใช้ซ้ำหรือย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติในปี 2030 (เป็นเป้าหมายระยะยาว) โดยในปี 2025 บริษัทฯ สามารถยกเลิกการใช้พลาสติก PVC ในบรรจุภัณฑ์ทั้งหมด ตลอดจนออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้ใช้พลาสติกน้อยลง เช่น เบบี้มายด์ ฟิล์มลูกอมโอเล่ ลดน้ำหนักขวดแก้วเครื่องดื่ม M-150 ลง 15% แต่ยังคงความแข็งแรง  ช่วยลดทรัพยากรธรรมชาติในการผลิตและลดก๊าซเรือนกระจกจากการผลิตและการขนส่ง

เติบโตร่วมกับ “คู่ค้า” ตลอดห่วงโซ่อุปทาน

โอสถสภาให้ความสำคัญกับคู่ค้าและเกษตรกรรายย่อย จึงได้ตั้งเป้าหมาย ห่วงโซ่อุปทานยั่งยืน (Sustainable Supply Chain) พร้อมสนับสนุนคู่ค้ากว่า 1,000 ราย ผ่านโครงการต่างๆ  เพื่อส่งเสริมให้คู่ค้าปฏิบัติตามหลัก ESG อาทิ การเพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการเกษตรรายย่อยผู้ปลูกอ้อย ในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติเพื่อมุ่งสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ส่งเสริมเกษตรกรรมแบบยั่งยืน ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมและได้ผลผลิตที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค

ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมรับมือ Climate Change

การบริหารจัดการน้ำ (Water Management)  ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเครื่องดื่มซึ่งเป็นสินค้าหลักของโอสถสภาโดยตั้งเป้าหมายลดการใช้ทรัพยากรน้ำในกระบวนการผลิตให้ได้ 35% ต่อรายได้ ซึ่งปัจจุบันสามารถลดได้ 35.04% ต่อรายได้ เทียบกับปีฐาน 2561

ด้านพลังงานและการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Energy and Climate Management)  โอสถสภาตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก Scope 1 และ 2 จากกระบวนการผลิตลง 15% ต่อรายได้ เมื่อเทียบกับปีฐาน 2565 แต่ปัจจุบันสามารถลดได้แล้วถึง 44.33% ต่อรายได้ ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้อย่างมาก

            จากก้าวแรกของความสำเร็จในการขับเคลื่อนความยั่งยืน  ส่งผลให้โอสถสภาคว้ารางวัล  Industry Mover จาก S&P Global 2 ปีซ้อน (2566-2567) โดยปี 2567 โอสถสภาเป็นบริษัทเดียวในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มโลกที่ได้รับรางวัลนี้  ความสำเร็จก้าวแรกของเรา เกิดจากการสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้และความร่วมมือกันของทุกภาคส่วน ตั้งแต่พนักงาน คู่ค้า ไปจนถึงหน่วยงานภาครัฐ   ทำให้ความยั่งยืนไม่ได้เป็นเพียงเป้าหมายบนกระดาษ แต่กลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีการทำงานและ DNA ขององค์กร  เป็นความสำเร็จที่เกิดจากความมุ่งมั่นร่วมกันสร้างผลลัพธ์ที่จับต้องได้ และเป็นแรงผลักดันให้โอสถสภาก้าวสู่เป้าหมายต่อไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน” คุณวรรณิภา ภักดีบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโอสถสภา กล่าว

ก้าวต่อไปของโอสถสภาคือการขยายกรอบความยั่งยืนให้ครอบคลุมรอบด้านยิ่งขึ้น  ซึ่งพิจารณาจากความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสีย เมกะเทรนด์ของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มและผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยยังคง 5 ประเด็นเดิมไว้ และเพิ่มเติมอีก 2 ประเด็นใหม่ ได้แก่  ด้าน Human Capital Development and Labor Practices ด้วยการปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กร A-C-T เพื่อขับเคลื่อนโอสถสภาให้เติบโตอย่างไร้ขีดจำกัด ควบคู่กับการส่งเสริมความหลากหลายและความเท่าเทียมในที่ทำงาน เพราะพนักงานคือหัวใจสำคัญ การทำให้พนักงานรู้จักและเข้าใจจะเป็นแรงขับเคลื่อนการนำนโยบายและกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนไปสู่การปฏิบัติจริงอย่างมีประสิทธิภาพ  และ ด้าน Waste Management ด้วยการยกระดับจากการลดการ   ฝังกลบไปสู่การสร้างคุณค่าใหม่ให้กับของเสียตลอดห่วงโซ่คุณค่า โดยเฉพาะขยะขวดแก้วที่สามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ สนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียนและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งยังสามารถต่อยอดเป็นคุณค่าเชิงเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมในระยะยาว  การขยายกรอบความยั่งยืนและสานต่อเป้าหมายระยะยาว 2569–2573 ตอกย้ำบทบาทของโอสถสภาในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมเครื่องดื่มของไทย ที่มุ่งยกระดับการพัฒนาอย่างยั่งยืนควบคู่กับการเติบโตของธุรกิจ พัฒนาสังคม และดูแลสิ่งแวดล้อม

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon