The 3rd SET Annual Conference on Family Business: Transforming Family Business “พลิกอนาคตธุรกิจครอบครัวให้โตอย่างยั่งยืน”

31

มิติหุ้น – กลับมาพบกันอีกครั้ง เป็นปีที่ 3 ซึ่งเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ และพันธมิตร ยังคงมุ่งมั่นให้ความสำคัญในการสนับสนุน และพัฒนาธุรกิจครอบครัวไทยให้เข้มแข็ง และเติบโตเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนตลาดทุน และเศรษฐกิจไทยอย่างแท้จริง อีกทั้งเรื่องธุรกิจครอบครัวกำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนสำคัญ ในยุคความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และการก้าวเข้าสู่ยุค AI เต็มตัว

ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลากว่า 3 ปี นอกจากการตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเป็นผู้นำในการเปิดเวที จัดงานสัมมนา SET Annual Conference on Family Business แล้ว การดำเนินโครงการต่างๆ ร่วมกับทุกภาคส่วน เพื่อสนับสนุนธุรกิจครอบครัว ให้สามารถปรับตัว และเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนไปทั้งระบบนิเวศ มีหลายโครงการ อาทิ

  • โครงการสนับสนุนทุนวิจัยสำหรับอาจารย์ ในการผลิตงานวิจัยเกี่ยวกับธุรกิจครอบครัวไทย เพื่อส่งเสริมให้เกิดงานวิจัยที่มีคุณภาพ และสนับสนุนให้อาจารย์ และผู้เชี่ยวชาญในสถาบันการศึกษาได้ศึกษาวิจัยในประเด็นที่เชื่อมโยงระหว่างธุรกิจครอบครัว ตลาดทุนไทย และเศรษฐกิจไทย ซึ่งเป็นโครงการที่ได้รับความสนใจอย่างยิ่งจากนักวิจัย มีผู้ร่วมยื่น ข้อเสนอรับทุนรวมกว่า 30 หัวข้องานวิจัย และมีหัวข้องานวิจัยที่ผ่านเข้ารอบ 6 หัวข้อ คาดว่าภายในสิ้นปีนี้ จะสามารถเผยแพร่ผลงานวิจัยได้ ทั้งหมด รวมถึงตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ มีการพัฒนาฐานข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัวในตลาดหุ้นไทย เพื่อเป็นฐานข้อมูลผลิตงานวิจัยสำหรับผู้ที่สนใจทั่วไป
  • โครงการ Family Business Thailand โดยความร่วมมือระหว่าง กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพการบริหารจัดการธุรกิจครอบครัว ให้มีองค์ความรู้ด้านบริหารจัดการธุรกิจ และการตลาดด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมทั้งกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ จะนำมาซึ่งข้อมูลที่มีคุณภาพและเป็นประโยชน์ในการเสริมสร้างโอกาสทางการค้าและการบริหารเครือข่ายให้แก่ธุรกิจครอบครัว
  • โครงการห้องเรียนธุรกิจครอบครัว บน LiVE Platform ที่ ให้ธุรกิจครอบครัวเข้ามาเรียนรู้ โดยการพัฒนาความรู้ ที่สำคัญ และจำเป็นเฉพาะด้านสำหรับธุรกิจครอบครัว มีการเชิญวิทยากรผู้เชี่ยวชาญมาช่วยกันพัฒนาเนื้อหาหลักสูตรและเผยแพร่องค์ ความรู้ ประสบการณ์ ร่วมกัน ปัจจุบันมีเนื้อหาหลักสูตรกว่า 180 ชิ้น ในหลากหลายรูปแบบ อาทิ e-Learning คลิป บทความ มีผู้ได้รับความรู้ ไปแล้วกว่า 1 หมื่นราย

นอกจากโครงการเหล่านี้ ที่ต้องทำต่อเนื่องแล้ว ในอนาคตตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังคงเป็น “บ้านแห่งโอกาส” สำหรับธุรกิจครอบครัวไทย ในการเดินหน้าร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อให้การทำงานผ่านโครงการ กิจกรรมต่างๆ มีความยั่งยืน เกิดประโยชน์ที่แท้จริงกับธุรกิจครอบครัวไทย ตลาดทุนและประเทศไทย ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพื่อการร่วมมือกัน พลิกอนาคตธุรกิจครอบครัว ให้โตอย่างยั่งยืน รวมถึงเป็นการ “ลบคำสาป” ที่ว่า ธุรกิจครอบครัวจะจบสิ้นภายใน 3 รุ่น

ในโอกาสนี้ จึงให้ 8 แนวทางในการ Transformation ของธุรกิจครอบครัวไทยสู่ยุค AI เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

  1. ประเมินความพร้อมขององค์กร และทำความเข้าใจศักยภาพของ AI ในการกำหนดกลยุทธ์เป้าหมายว่า AI จะนำไปสู่ความสำเร็จของธุรกิจได้อย่างไร โดยควรมีการกำหนดวิสัยทัศน์ และเป้าหมายค่านิยมของธุรกิจให้ชัดเจน วางแผนการนำ AI มาใช้ให้สอดคล้องกับเป้าหมายระยะสั้น และยาวธุรกิจ และพิจารณาปัญหาที่ AI จะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างไร รวมถึงดูว่าคู่แข่งหรือคู่ค้าทาง ธุรกิจแบบเดียวกันใช้ AI ในรูปแบบใด ทั้งนี้ ควรใช้ที่ปรึกษา หรือกรรมการมืออาชีพที่มีความรู้ในเรื่อง AI มาช่วยพัฒนาระบบ AI และการใช้งาน
  2. พิจารณาโอกาสและความเสี่ยง วิเคราะห์โอกาส อุปสรรค และความเสี่ยงจากการใช้ AI อย่างรอบคอบ รวมถึงในประเด็นกฎหมาย ความรับผิดชอบ การลงทุน พัฒนาทักษะบุคลากร และวัฒนธรรมองค์กรเพื่อให้บุคลากรเรียนรู้ อบรม และพัฒนาทักษะดิจิทัล เพื่อให้ผู้บริหารให้เข้าใจ AI รวมถึงเทคโนโลยีใหม่ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจครอครัวได้ถูกต้องตามหลักจริยธรรมและกฎหมาย
  3. สร้างวัฒนธรรมนวัตกรรม ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ ทดลอง และอาศัยศึกษาจากความล้มเหลว, ผิดพลาดการไม่ใช้ หรือการใช้ AI ในองค์กรอื่น โดยสามารถปรับปรุงวิธีการทำงาน พร้อมกับการปรับโครงสร้างองค์กรให้สอดคล้องกัน ทั้งนี้ควรมีที่ปรึกษาหรือกรรมการมืออาชีพที่มีความรู้ในเรื่องนี้มาช่วยให้คำแนะนำเช่นกัน
  4. พิ่มบทบาททายาทรุ่นใหม่ เปิดโอกาสให้ Next Gen รุ่น X, Y, Z มีส่วนร่วมในการน า AI และเทคโนโลยีใหม่เข้าสู่ธุรกิจ โดยมอบหมายอำนาจในการบริหารจัดการภายใต้ที่ปรึกษาหรือกรรมการมืออาชีพที่มีความรู้ด้าน AI มาช่วยแนะนำ อีกทั้งผู้ส่งมอบธุรกิจต้องสนับสนุนทั้งการลงทุน และควรเรียนรู้เรื่องดังกล่าวด้วยตนเอง รวมถึงควรทดลองนำ AI มาใช้ในการทำงานของตนเองด้วย
  5. ยินยอมกระจายอำนาจการตัดสินใจ โดยมอบหมายงานและกระจายอำนาจให้กับทายาทรุ่นใหม่ๆ ที่มีความสามารถในเรื่อง AI มากขึ้น เพื่อลดความล่าช้าในการปรับตัว โดยกำหนดระยะเวลาเป้าหมายชัดเจน และเงินลงทุนที่เหมาะสม หรืออาจแยกธุรกิจ AI ออกมาให้คนรุ่นใหม่บริหารเพื่อสนับสนุนธุรกิจอื่นๆ ด้วย หากมีธุรกิจหลากหลาย
  6. ลงทุนในบุคลากร เทคโนโลยี และระบบข้อมูล และลงทุนพัฒนาทักษะของผู้บริหาร พนักงาน เรื่อง AI อย่างจริงจัง เช่น การลงทุนในเทคโนโลยี ย้ายข้อมูลสู่ระบบคลาวด์ , ใช้ Hybrid Cloud เพื่อความยืดหยุ่นและลดต้นทุนในการทำงาน ทั้งนี้โดยอาจเลือกลงทุนในโครงการที่เล็กๆ ก่อน สำหรับผู้ที่ยังไม่มั่นใจ ทั้งนี้ ควรศึกษาจากตัวอย่างธุรกิจที่มีการนำ AI และ IoT มาใช้ เช่น ระบบ Smart Farm, ระบบอัตโนมัติในโรงงาน, Chatbot สำหรับบริการลูกค้า
  7. บริหารจัดการความเสี่ยงและจริยธรรม หากธุรกิจครอบครัวนำ AI มาใช้ ก็จะต้องวางนโยบายการใช้ AI อย่างรับผิดชอบ คำนึงถึงผลกระทบทางจริยธรรม ความเป็นส่วนตัว และความปลอดภัยไซเบอร์ รวมถึงปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนด ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการใช้ AI เป็นไปตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยเป็นไปตามแนวนโยบายของรัฐบาล
  8. วัดผลและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง จากเทคโนโลยี AI เปลี่ยนแปลงเร็วมากต้องมีการวัดผล และตัดสินใจปรับปรุงให้ดีขึ้นโดยเร็ว รวมถึงติดตามนโยบาย พร้อมกับสถานการณ์การส่งเสริมจากภาครัฐ ในเรื่องมาตรการภาษี BOI หรือเงินสนับสนุนจากภาครัฐพร้อมๆ กันไป

ดังนั้น ธุรกิจครอบครัวจึงควรต้องวางกลยุทธ์ที่ชัดเจนพัฒนาทักษะคนในองค์กร เปิดรับนวัตกรรมใหม่ และปรับวัฒนธรรมองค์กรให้ทันสมัย โดยเฉพาะทายาทรุ่นรับมอบของธุรกิจครอบครัวที่เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และมีอำนาจในการตัดสินใจ โดยได้รับการสนับสนุนการลงทุนอย่างฉลาด และเหมาะสมจากรุ่นส่งมอบ เพื่อที่จะปรับตัวได้ สามารถอยู่รอดและเติบโตในยุค AI ต่อไปได้อย่างยั่งยืน

จากทั้งหมดที่กล่าวมานี้ จึงเป็นความตั้งใจในการจัดงานสัมมนา SET Annual Conference on Family Business ครั้งที่ 3 ในธีม Transforming Family Business โดยงานในครั้งนี้ได้เพิ่มความเข้มข้น และมุ่งสร้างความแข็งแกร่งแก่ธุรกิจครอบครัวไทยท่ามกลางความท้าทายที่กำลังเผชิญ ทั้ง Main stage ที่ได้รับเกียรติจากกูรูระดับโลก Dr. Matt Allen และวิทยากรที่เป็นทายาทตัวจริง ในการสานต่อธุรกิจให้เติบโต จนเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีชื่อเสียง ซึ่งประสบความสำเร็จในระดับประเทศและระดับเอเชีย

นอกจากนั้น เพื่อให้ทุกท่านได้เรียนรู้แบบเจาะลึก ปีนี้จึงมีห้องสำหรับ workshop มากถึง 6 ห้อง เพื่อตอบโจทย์ ได้ตรงจุดตามที่แต่ละครอบครัวต้องการ

ธุรกิจครอบครัวมีบทบาทสำคัญในตลาดทุนไทย

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้ความสำคัญและสนับสนุนการขับเคลื่อนระบบนิเวศเพื่อสร้างศักยภาพธุรกิจครอบครัวมาอย่างต่อเนื่อง โดยร่วมมือกับพันธมิตรส่งเสริมทั้งด้านองค์ความรู้ งานวิจัย เครื่องมือ และระบบงานต่างๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถ สร้างความเป็นมืออาชีพในการดำเนินธุรกิจ พร้อมขยายโอกาสให้ธุรกิจครอบครัวเข้าถึงแหล่งเงินทุนในตลาดทุน

อีกทั้งธุรกิจครอบครัวหลายบริษัท กำลังให้ความสนใจเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ดังนั้นทางตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทจดทะเบียนไว้ และแชร์ให้ทราบว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2565 – 2567) บริษัทธุรกิจครอบครัวได้ใช้กลไกของตลาดหุ้นไทยในการระดมทุน เพื่อขยายกิจการและเติบโตอย่างต่อเนื่อง

มูลค่าสินทรัพย์เติบโตต่อเนื่องเฉลี่ย 9% ต่อปี และมีสัดส่วน 55% ของสินทรัพย์รวมทั้งตลาดรายได้ รวม ยังคงเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ย 11% ต่อปี และมีสัดส่วน 48% ของรายได้ รวมทั้งตลาดกำไรรวม มีการผันผวนไปตามภาวะตลาด แต่ก็ยังมี สัดส่วนเฉลี่ย 54% ของกำไรรวมทั้งตลาดสัดส่วน Market Cap บริษัทที่เป็น Family Business ต่อ Total Market Cap เฉลี่ย 3 ปี อยู่ในระดับ 53% การจ้างงาน 3 ปีที่ผ่านมา มีการจ้างงานเฉลี่ยมากถึง 1 ล้าน 4 แสนอัตราหรือร้อยละ 74 ของการจ้างงานทั้งหมดของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย

จากข้อมูลตัวเลขข้างต้นนี้ ทำให้เห็นได้ว่าบริษัทธุรกิจครอบครัว ได้รับประโยชน์จากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และมีความสำคัญต่อตลาดทุนไทยเป็นอย่างมาก ทำให้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ให้ความสำคัญกับธุรกิจครอบครัว โดยมีการเร่งเผยแพร่ความรู้การจัดอบรมสัมมนาให้การศึกษากับธุรกิจครอบครัวอย่างต่อเนื่อง

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon