Pi Daily ชี้การปิดหน่วยงานในสหรัฐฯไม่มีผลใดๆต่อการลงทุน ขณะที่ตลาดหุ้นยังคาดหวังจะฟื้นตัวช่วงถัดไปหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการผ่อนคลายนโยบายการเงิน ยังเน้นที่กลุ่ม Domestic Play

10

มิติหุ้น – ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 43 จุด (+0.09%) ขณะที่ S&P500 ปิดระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้แรงหนุนจากหุ้น HealthCare ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 1% หลังมีรายงานว่าอาจเห็นการเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+

เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯประกาศการจ้างงานภาคเอกชนจากสถาบัน ADP พบว่าลดลง 3.2 หมื่นราย สวนทางกับที่ Bloomberg Consensus คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 5.2 หมื่นราย ลดลงใน Sector ก่อสร้าง ภาคผลิต การขนส่ง และภาคบริการที่เกี่ยวกับโรงแรม สะท้อนมุมมองเชิงลบจากทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในขณะเดียวกันได้รายงานดัชนี PMI ภาคผลิตพบว่าใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์แต่ต่ำกว่าระดับ 50 สะท้อนถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ทำให้ US Bond Yield เริ่มเห็นการปรับลง และเป็นผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับขึ้นแม้จะมีการปิดหน่วยงานสหรัฐฯ ก็ตาม การปิดหน่วยงานในสหรัฐฯไม่ใช่เรื่องใหม่เพราะเป็นสิ่งที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต ครั้งล่าสุดคือช่วงปี 2018 โดยปิดหน่วยงานในสหรัฐฯ เป็นระยะเวลากว่า 1 เดือน แต่หากไปดูสถิติ S&P500 ช่วงปิดหน่วยงานในสหรัฐฯพบว่ากลับเป็นบวก เป็นเพราะในท้ายที่สุดแล้วก็จะกลับมาดำเนินการได้ปกติ

แต่อย่างไรก็ตามระยะสั้นอาจเห็นการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่ล่าช้าออกไป ตามกำหนดคือคืนนี้จะมีการประกาศตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานและวันศุกร์จะมีการประกาศอัตราการว่างงานและการจ้างงานนอกภาคเกษตรซึ่งน่าจะต้องถูกเลื่อนออกไป ด้านปัจจัยในประเทศยังไร้ปัจจัยใหม่ๆหลังรับทราบเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไปบ้างแล้ว จากนี้รอติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของไทยในวันที่ 8 ต.ค. ว่าภายใต้ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่จะเห็นการปรับลดดอกเบี้ยเลยหรือไม่ท่ามกลางเศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวต่ำผสานกับเงินเฟ้อก็ต่ำเช่นกัน หากปรับลดดอกเบี้ยจะเป็นบวกกับหุ้นกลุ่มการเงิน (MTC) อสังหาฯ (AP, SPALI) ค้าปลีก (CPALL)

วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1265 – 1285 ตลาดหุ้นไทยยังมีทิศทางที่ดีในช่วงถัดไป (ระยะสั้นพักฐานบ้างเพราะปรับขึ้นมาเยอะ) แต่ตลาดยังมีปัจจัยหนุนเกี่ยวกับการกระตุ้นเศรษฐกิจและการผ่อนคลายนโยบายการเงิน เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังแนะจังหวะพักฐานเป็นโอกาสสะสมหุ้นในกลุ่มค้าปลีก (BJC, CPAXT, CPALL, HMPRO) การเงิน (MTC) ธนาคารที่ปันผลสูง (SCB) ท่องเที่ยว (CENTEL, MINT) ศูนย์การค้า (CPN) โรงพยาบาล (BDMS)

BDMS (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 26.00 บาท) 3Q25 เรามองว่าผลประกอบการจะฟื้นตัวทั้ง YoY และ QoQ จาก 1) ปัจจัยฤดูกาล ด้วยจำนวนผู้ป่วยชาวไทยและต่างชาติมีแนวโน้มเติบโตหลังหน้าฝน และ 2) สัดส่วนผู้ป่วยโรคซับซ้อนที่คาดเติบโต หนุนอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวสูงขึ้น

CPAXT (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 26.00 บาท) คาดเห็นทยอยรับรู้ Synergy benefits ต่อเนื่องในช่วง 2H25 แม้ว่าแนวโน้มการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ช่วงเดือนก.ค. 2025 ยังทรงตัว YoY

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon