มิติหุ้น – ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี เสริมสร้างศักยภาพผู้ประกอบการ จัดการอบรม “LEAN for Sustainable Growth by ttb รุ่นที่ 20″ หลักสูตรพัฒนาธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าอุปโภคบริโภค มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพองค์กรตลอดห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ด้วยการผสานแนวคิด LEAN เข้ากับแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนผ่าน ESG โดยมีเนื้อหาเข้มข้นจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญทั้งจากภาควิชาการและภาคธุรกิจ ในหัวข้อสำคัญเรื่อง “ESG ช่วยธุรกิจโดดเด่นอย่างยั่งยืน”
ธุรกิจต้องบูรณาการ ESG สู่กลยุทธ์หลัก
ดร.ชาริกา ชาญนันทภิพัฒน์ นักวิชาการ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) แชร์มุมมองเกี่ยวกับการนำ ESG มาประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าอุปโภคบริโภค ระบุว่า ปัจจุบันภาคธุรกิจเผชิญแรงกดดันด้านความยั่งยืนจากหลายทิศทาง ทั้งผลกระทบจากสภาพอากาศ กฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้น และความเสี่ยงในห่วงโซ่อุปทาน ความต้องการของผู้บริโภคที่สนับสนุนสินค้ารับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม การลงทุนที่ใช้ข้อมูล ESG ประกอบการตัดสินใจ ไม่ใช่การสร้างภาพลักษณ์ แต่ต้องบูรณาการเข้ากับกลยุทธ์ธุรกิจ โดยเสนอให้ธุรกิจจัดลำดับความสำคัญของประเด็นความยั่งยืนด้วยแนวคิด Double Materiality ซึ่งพิจารณา 2 มิติ คือ Impact Materiality ผลกระทบของธุรกิจที่มีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมและ Financial Materiality ผลกระทบจากประเด็นความยั่งยืนต่อมูลค่าธุรกิจ
โดยการบูรณาการ ESG เข้ากับกลยุทธ์ธุรกิจต้องพิจารณา 5 ขั้นตอนสำคัญ คือ การวิเคราะห์กิจกรรมของธุรกิจ การวิเคราะห์ผู้มีส่วนได้เสีย การระบุและจัดลำดับประเด็นความสำคัญ การวัดผลการดำเนินงาน และการสื่อสารข้อมูลอย่างโปร่งใส ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจบริหารความเสี่ยงด้าน ESG ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมป้องกันความเสี่ยงจาก Greenwashing และรักษาความน่าเชื่อถือในสายตาผู้บริโภคและหน่วยงานกำกับดูแล
เดินหน้าสู่ Net Zero ขับเคลื่อนองค์กรสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
นางสาววรรณวิสาข์ สู่ศุภอรรถ ผู้จัดการฝ่ายบริหารความยั่งยืน และคุณภาพ ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแนวทางขับเคลื่อนองค์กรสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยวิสัยทัศน์ “Empowering All toward Inclusive Growth” โดยกำหนด 3 เป้าหมายด้านความยั่งยืนภายในปี 2573 ได้แก่ Living Community (ยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชนมากกว่า 17,000 ชุมชน) Healthy Environment (ลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินธุรกิจให้มากกว่า 1 ใน 3) และ Economic Prosperity (สร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจให้กับผู้มีส่วนได้เสียมากกว่า 1 ล้านราย)
โดย OR ตั้งเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2573 และการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593 ผ่านแผน 3R ได้แก่ Reduce ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมขององค์กร Remove กำจัดคาร์บอนส่วนเกินผ่านการปลูกป่าและจัดทำโครงการคาร์บอนเครดิต Reinforce เสริมสร้างพอร์ตการลงทุนสีเขียว เช่น สถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ (EV Charging Station) เป้าหมาย 7,000 จุด ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป และการจำหน่ายเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF)
ทั้งนี้ OR มีการจัดโครงการที่สำคัญ ได้แก่ Sustainable Coffee Project รับซื้อเมล็ดกาแฟจากเกษตรกรรวมกว่า 7,000 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,400 ล้านบาท (ปี 2558-2567) พร้อมพัฒนาโมเดลธุรกิจคาเฟ่อเมซอนตลอดห่วงโซ่คุณค่าผ่าน Café Amazon Go Green และสร้างโอกาสให้กลุ่มเปราะบางผ่าน Café Amazon for Chance นอกจากนี้ยังดำเนินการประเมิน Double Materiality ประจำปี 2567 เพื่อระบุประเด็น ESG สำคัญ และจัดทำ Supplier Sustainable Code of Conduct (SSCoC) เพื่อยกระดับมาตรฐานความยั่งยืนในห่วงโซ่อุปทานอย่างครอบคลุม ทั้งด้านสังคม สิ่งแวดล้อม และธรรมาภิบาล
ประยุกต์ใช้กรอบการทำงานด้านความยั่งยืนตาม Thailand Taxonomy
ด้านนายพงศกร เที่ยงธรรม ประธานคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการและบริหารความเสี่ยง และกรรมการ บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) ได้เปิดมุมมองการวางกลยุทธ์การเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยแนวคิด ESG โดยหาดทิพย์ มีวิสัยทัศน์ ในการเป็นผู้นำอุตสาหกรรมเครื่องดื่มที่มีการพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยมีภารกิจหลัก 2 ด้าน คือ “เพื่อบ้านของเรา” (Homeland Uplifting) ได้แก่ การส่งเสริมและสนับสนุนความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตของผู้คนและชุมชนโดยเริ่มจากพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้และเชื่อมโยงสู่ภูมิภาคอื่น ๆ ในประเทศ และ “เพื่อโลกของเรา” (Global Citizenship) ได้แก่ การทำหน้าที่เป็นเพลเมืองที่ดีของโลกด้วยการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมผ่านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การใช้บรรจุภัณฑ์อย่างรับผิดชอบ และการจัดการน้ำอย่างยั่งยืน
บมจ. หาดทิพย์ ได้ประยุกต์ใช้กรอบการทำงานด้านความยั่งยืนตาม Thailand Taxonomy ซึ่งครอบคลุม 6 หมวดหมู่หลัก ได้แก่ พลังงาน การขนส่ง เกษตรกรรม การก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงอุตสาหกรรม และกิจกรรมข้ามสาขา เพื่อให้การดำเนินงานสอดคล้องกับมาตรฐานสากลและเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าถึงแหล่งเงินทุนด้านความยั่งยืน
โดยผลงานด้านความยั่งยืนในปี 2024 บริษัทได้บรรเทาความเดือดร้อนของคนในชุมชนยามเกิดภัยพิบัติ ผ่านการส่งมอบน้ำดื่มน้ำทิพย์ กว่า 225,900 ขวด ซึ่งสามารถบรรเทาความเดือดร้อนกว่า11,518 ครัวเรือน
นอกจากนี้ บริษัทยังสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ขนส่งผู้ป่วยกว่า 550 คน ใน 30 โรงพยาบาลทั่วภาคใต้ เป็นมูลค่ามากกว่า 3.4 ล้านบาท ส่วนการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมนั้น บริษัทได้ลงทุนเพื่อพลิกฟื้นธุรกิจขวดแก้วเพื่อลดการพึ่งพาบรรจุภัณฑ์พลาสติก ตลอดจน เพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน ผ่านการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์มากกว่า 10.000 แผง และใช้ทรัพยากรน้ำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมช่วยให้ชุมชนสามารถเข้าถึงน้ำสะอาดได้อย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ สินเชื่อเพื่อความยั่งยืน ทีทีบี (Green / Blue Loan) เป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน พร้อมเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net Zero ในอนาคต
ทีทีบีมุ่งมั่นเสริมแกร่งให้ผู้ประกอบการไทย ผ่านองค์ความรู้ที่หลากหลายภายใต้โครงการ finbiz by ttb อย่างต่อเนื่อง ผ่านหลากหลายแพลตฟอร์ม ทั้งในรูปแบบการจัดสัมมนา โซเชียลมีเดีย เฟสบุ๊ก และทีทีบี เอสเอ็มอี ไลน์ บทความบนเว็บไซต์ของ ทีทีบี เพื่อสนับสนุนให้ลูกค้าธุรกิจได้นำองค์ความรู้ต่าง ๆ ไปปรับใช้เพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลง สามารถเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน พร้อมให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon