มิติหุ้น – Investment Strategy
• สรุปภาพรวมตลาด ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (21 ต.ค.) ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ขณะที่นักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ รวมทั้งการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในวันศุกร์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ก่อนที่การประชุมนโยบายการเงินของเฟดจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 46,924.74 จุด เพิ่มขึ้น 218.16 จุด หรือ +0.47%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,735.35 จุด เพิ่มขึ้น 0.22 จุด หรือ +0.003% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 22,953.67 จุด ลดลง 36.88 จุด หรือ -0.16%
ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเล็กน้อยในวันอังคาร (21 ต.ค.) ต่อเนื่องจากการปรับขึ้น 1% ในวันจันทร์ ขณะที่นักลงทุนประเมินผลประกอบการบริษัทต่าง ๆ ที่ออกมาคละ
เคล้ากัน และตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 573.30 จุด เพิ่มขึ้น 1.20 จุด หรือ +0.21%
• สรุปภาพรวมสินทรัพย์อื่นๆ สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 5% ในวันอังคาร (21 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากราคาทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันจันทร์ อันเนื่องมาจากแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย และกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 250.30 ดอลลาร์ หรือ 5.74% ปิดที่ 4,109.10 ดอลลาร์/ออนซ์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 31 เซนต์ หรือ 0.51% ปิดที่ 61.32 ดอลลาร์/บาร์เรล นักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ซึ่งเป็นสองประเทศผู้ใช้น้ำมันรายใหญ่ของโลก รวมทั้งประเมินแนวโน้มอุปทานน้ำมันในตลาดโลก
• SET Index: เราคาดการณ์กรอบ SET Index 1,285-1,300 จุด ตอบรับผลประกอบการณ์ไตรมาส 3 ของทั้งไทยและสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่ง หรือ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทย (TISCO KKP KBANK) / จับตารายงานผลประกอบการณ์ไตรมาส 3 และ เจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ
หุ้นแนะนำ
KBANK:
กำไรสุทธิไตรมาส 3 ปี 2568 อยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท (+8.7% yoy, +4.2% qoq) สูงกว่าประมาณการของเราในไตรมาส 3 ปี 2568 ถึง 14.5% และสูงกว่าที่ Bloomberg คาดการณ์ไว้ 16% เราปรับเพิ่มส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NET Interest Margin) จาก 3.21% เป็น 3.37% เนื่องจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 ที่ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ และ เราปรับเพิ่มประมาณการการเติบโตของรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยสำหรับปี 2568 จาก 6.4% เป็น 18.1% เนื่องจากกำไรจากการลงทุนและตราสารทางการเงิน และการคาดการณ์การเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิที่แข็งแกร่งขึ้น
(Take profit : 180.00 / Stop loss : 176.00)
BCPG:
เราคาดการณ์กำไรสุทธิหลักที่ 658 ล้านบาท (เทียบกับขาดทุนในไตรมาส 3 ปี 2567 และ ไตรมาส 2 ปี 2568) โดยได้รับแรงหนุนจากเงินลงทุนจากบริษัทร่วมและต้นทุนทางการเงินที่ลดลง / การปรับขึ้นราคากำลังการผลิตโรงไฟฟ้าพลังน้ำ (PJM) เป็น 329 ดอลลาร์สหรัฐ/เมกะวัตต์-วัน จะช่วยเพิ่มรายได้จากหุ้นของ BCPG ในสหรัฐอเมริกา และผลักดันให้อัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS CAGR) อยู่ที่ 36% ในช่วงปี 2567-2570 ตามมุมมองของเรา
(Take profit : 9.00 / Stop loss : 8.75)
#CGSInternational
#CGSI
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon