BCPG  งบQ3/68 พลิกบวก ทำนิวไฮ

265

 

มิติหุ้น – BCPG   โดยบล.เอเซีย พลัส  คาดผลการดำเนินงานงวด Q3/68 พลิกฟื้นกลับเป็นกำไรสุทธิ 675.2 ล้านบาท จากที่ เคยเผชิญขาดทุนสุทธิ 651.4 ล้านบาท ในงวด 2Q68 หนุนจากทั้งค่าใช้จ่ายพิเศษที่คาด ลดลงมาอยู่เพียง 68 ล้านบาท (เดิม 782.5 ล้านบาท) จากขาดทุน Fx เพียงรายการเดียว และกำไรปกติที่คาดปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ 743.2 ล้านบาท จาก 131.1 ล้านบาท ใน 2Q68

โดยกำไรปกติที่เติบโตมีนัยฯ โดยหลักคาดเป็นผลมาจากประกอบการของกลุ่มโรงไฟฟ้า ในสหรัฐฯที่ปริมาณขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นตามการเข้าสู่ฤดูร้อน และค่าความพร้อมจ่ายไฟฟ้า ในตลาด PJM ที่สูงขึ้น QoQ และโครงการลม Monsoon 270 MWe เริ่มทยอย COD ใน ไตรมาสแรก อีกทั้งคาดผลประกอบการของกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังน้ำปรับตัวเพิ่มขึ้น ตาม การเข้าสู่ช่วงhigh season แม้คาดกลุ่ม solar จะผลิตไฟฟ้าได้น้อยลง QoQ ก็ตาม

 

โดยรวมแล้วคาดกำไรปกติ 9M68 อยู่ที่ 1.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.8%yoy และคิดเป็น สัดส่วน 80.6% ของกำไรปกติทั้งปี 2568 ที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้

คงประมาณการกำไรปกติทั้งปี 2568 ที่ 1.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.4%yoy หนุนหลัก จากการรับรู้โครงการใหม่ๆ กว่า 369 MWe ที่คาดเริ่มทยอย COD ในช่วง 2H68 และกลุ่ม โรงไฟฟ้าในสหรัฐฯที่คาดมีผลประกอบการดีขึ้น YoY จากการรับรู้การปรับขึ้นราคาค่า ความพร้อมจ่ายไฟฟ้าในตลาด PJM ของสหรัฐฯ

ช่วงสั้น Q4/68 คาดกำไรปกติอ่อนตัว QoQ หลังจากผ่านพ้นช่วง peak สุดของปีสำหรับ ทั้งกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำและโรงไฟฟ้าในสหรัฐฯมาแล้ว อีกทั้งคาดกลุ่มโรงไฟฟ้า solar จะเข้าสู่ช่วง low season แม้คาดโครงการลมจะปรับตัวดีขึ้น แต่ชดเชยไม่หมด

ปรับไปใช้มูลค่าพื้นฐาน ณ สิ้นปี 2569 อยู่ที่ 10.6 บาท/หุ้น (ปี 2568 ที่ 8.7 บาท/หุ้น) ช่วง สั้นคาดยังมีปัจจัยบวกหนุนราคาหุ้นจากผลประกอบการงวด 3Q68 ที่สดใส และกระแส ความต้องการใช้ไฟฟ้าในตลาดสหรัฐฯที่เกิดขึ้นได้เป็นระลอกๆ รวมถึงด้านปัจจัยพื้นฐาน ที่คาดกำไร 1-3 ปีข้างหน้ายังเห็นการเติบโตต่อเนื่อง YoY จึงคงน้ำหนักการลงทุน Outperform เน้นหาจังหวะเข้าสะสมลงทุนเมื่อราคาหุ้นอ่อนตัว

 

3Q68 คาดกำไรปกติขึ้นทำ New High จากการเข้าสู่ช่วง peak ทั้งโครงการน้ำ และ USA
คาดผลการดำเนินงานงวด 3Q68 พลิกฟื้นกลับเป็นกำไรสุทธิ 675.2 ล้านบาท จากที่เคยเผชิญขาดทุนสุทธิ 651.4 ล้านบาท ในงวด 2Q68 หนุนจากทั้งค่าใช้จ่ายพิเศษที่คาดลดลง และกำไรจากการดำเนินงานปกติที่คาด ปรับตัวดีขึ้น QoQ

 

โดยรายการพิเศษงวดนี้ คาดมีการบันทึกขาดทุน Fx 68 ล้านบาท เพียงรายการเดียว เทียบกับงวด 2Q68 ที่รับรู้ ผลขาดทุนรายการพิเศษสูงถึง 782.5 ล้านบาท ประกอบด้วย 1) ค่าใช้จ่ายในการตัดจำหน่าย (write-off) โครงการ Wind Nabas 560.6 ล้านบาท จากการพิจารณาปรับปรุงพื้นที่ตั้งบางส่วนโครงการฯ และเตรียมขาย โครงการดังกล่าว, 2) ค่าใช้จ่ายจากการตัดจำหน่ายลูกหนี้ EDL 91.2 ล้านบาท, 3) ขาดทุนจากการตัดจำหน่าย อุปกรณ์ 21.5 ล้านบาท จากเหตุเพลิงไหม้โรงงานของลูกค้ารายหนึ่ง ส่งผลให้ BCPG ได้ติดตั้งแผง solar ใหม่ให้แก่ ลูกค้า และอยู่ระหว่างรอค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัย, 4) ขาดทุน Fx 109.3 ล้านบาท

 

อีกทั้ง หากตัดรายการพิเศษออกไป คาดกำไรปกติเติบโตมีนัยฯ ขึ้นมาอยู่ที่ 743.2 ล้านบาท จาก 131.1 ล้าน บาท ในงวดก่อนหน้า หนุนหลักจากส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม ที่คาดปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 742.2 ล้านบาท จากเดิม 322 ล้านบาท ตามผลประกอบการของกลุ่มโรงไฟฟ้าในสหรัฐฯที่ปริมาณขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ตามการเข้าสู่ช่วงฤดูร้อน และราคาค่าความพร้อมจ่ายไฟฟ้า (Capacity Revenue) ในตลาด PJM ของสหรัฐฯ เฉลี่ยที่ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ราว 270 เหรียญฯ/MW-day จากเดิม 29 –50 เหรียญฯ/MW-day ตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2568 – พ.ค. 2569 ตามการประกาศใช้ของ PJM อีกทั้งยังเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงาน ลม Monsoon 270 MWe ที่เริ่มทยอย COD ได้ในไตรมาสแรก ถึงแม้ว่าจะไม่มีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้า พลังงานลม Nabas 14.4 MWe ที่ประเทศฟิลิปปินส์ หลังขายโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จในงวด 2Q68 ก็ตาม

 

ประกอบกับคาดรายได้จากการขายไฟฟ้าปรับตัวเพิ่มขึ้น 42.5%qoq มาอยู่ที่ 1.1 พันล้านบาท หนุนหลักจาก กลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำที่ผลิตกระแสไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้น ตามการเข้าสู่ช่วงฤดูฝน รวมถึงกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานลม ในประเทศไทยที่ปรับตัวดีขึ้น QoQ จากกระแสลมในพื้นที่ตั้งโครงการที่พัดแรงขึ้น ถึงแม้คาดว่ากลุ่มโรงไฟฟ้าsolar จะมีผลประกอบการอ่อนตัวตามช่วงฤดูกาล ส่งผลให้ภาพรวมคาดกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 583.9 ล้านบาท จาก 250.5 ล้านบาทในงวด 2Q68 โดยคาดอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 52.5% จากเดิม 32.1%

 

อย่างไรก็ตาม คาดยังมีแรงกดดันบางส่วนจากค่าใช้จ่าย SG&A ที่เพิ่มขึ้น 20%qoq มาอยู่ที่ 148.2 ล้านบาท ตาม การรับรู้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโครงการใหม่ๆที่เพิ่มขึ้น

 

โดยรวมแล้วคาดกำไรปกติ 9M68 อยู่ที่ 1.1 พันล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 19.8%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี ก่อนหน้าและคิดเป็นสัดส่วน 80.6% ของกำไรปกติทั้งปี 2568 ที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้

 

คงประมาณการกำไรปี 2568 … ช่วงสั้นงวด 4Q68 คาดกำไรปกติอ่อนตัวลงตามบช่วงฤดูกาล
ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2568 ที่ 1.3 พันล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 18.4%yoy หนุนหลักจากการ รับรู้โครงการใหม่ๆ รวม 369 MWe ประกอบด้วย 1)โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมประเทศเวียดนาม 99.0 MWe ที่คาดจะซื้อหุ้นแล้วเสร็จภายในช่วงปลาย 3Q68 และ 2) โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม Monsoon 270 MWe ที่ คาดเริ่มทยอย COD ตามแผนในช่วง 2H68 อีกทั้งคาดกลุ่มโรงไฟฟ้าในสหรัฐฯจะมีผลประกอบการที่ดีขึ้น YoY จากการปรับขึ้นราคาค่าความพร้อมจ่ายไฟฟ้า (Capacity Revenue) ในตลาด PJM ของสหรัฐฯ เฉลี่ยขึ้นมาอยู่ ที่270เหรียญฯ/MW-day จากเดิม 29 –50เหรียญฯ/MW-day ตั้งแต่ มิ.ย.2568 – พ.ค. 2569

 

ช่วงสั้นงวด 4Q68 คาดกำไรปกติอ่อนตัว QoQ หลังจากผ่านพ้นช่วง peak ของปีสำหรับกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงาน น้ำมาแล้ว ประกอบกับกลุ่มโรงไฟฟ้าในสหรัฐฯ คาดจะมีปริมาณขายไฟฟ้าลดลง ตามปัจจัยฤดูกาล อีกทั้งคาด กลุ่มโรงไฟฟ้า solar จะเข้าสู่ช่วง low season ส่งผลให้ผลิตกระแสไฟฟ้าได้น้อยลง แม้คาดกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงาน ลมจะปรับตัวดีขึ้น QoQ แต่ยังชดเชยได้ไม่หมด

 

 

 

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon