NTF ลุยเข้า mai โชว์ศักยภาพผู้ส่งออกผลไม้พรีเมียม ครึ่งปีแรกโกยรายได้จากการขาย 1,661 ล้านบาท ตั้งเป้าทั้งปี 2,900 ล้านบาท เตรียมขาย IPO จำนวน 60 ล้านหุ้น นำเงินพัฒนาการผลิตสินค้า

48

มิติหุ้น – บมจ.เอ็นทีเอฟ อินเตอร์กรุ๊ป (ประเทศไทย) เดินหน้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ mai กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร(AGRO) หลังได้รับอนุมัติให้เสนอขายหุ้นจากสำนักงาน ก.ล.ต. เตรียมเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 60 ล้านหุ้นเร็วๆนี้ระดมทุนเพื่อพัฒนาสินค้าและขยายการผลิตผลไม้สดเกรดพรีเมียมส่งออก พร้อมโชว์ผลงานครึ่งแรกปี 2568 รายได้จากการขายอยู่ที่ 1,661 ล้านบาท เติบโต 189% YoY และกำไรสุทธิ 165 ล้านบาท เติบโต 282%YoY วางเป้าหมายรายได้จากการขายปีนี้ 2,900 ล้านบาท

นายวิชัย ศิระมานะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นทีเอฟ อินเตอร์กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ NTF เปิดเผยว่า  NTF ดำเนินธุรกิจส่งออกผลไม้สดคุณภาพพรีเมียม เช่น ทุเรียน ลำไย มะพร้าว และผลไม้อื่นๆ รวมไปถึง ทุเรียนแช่แข็ง ทุเรียนแกะเนื้อ โดย NTF มีความสามารถบริหารจัดการผลไม้คุณภาพสูงให้ตรงตามความต้องการของตลาดระดับพรีเมียมอย่างสม่ำเสมอ ส่งผลให้มีฐานลูกค้าต่างประเทศจำนวนมาก โดยเฉพาะประเทศจีนที่มีความต้องการบริโภคผลไม้จากประเทศไทยในปริมาณสูงและต่อเนื่อง

สินค้าของ NTF ควบคุมมาตรฐานทุกกระบวนการผลิต ด้วยทีมตรวจสอบคุณภาพ (QC) มืออาชีพลงพื้นที่ ตั้งแต่ต้นทางในสวนผลไม้ เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรรับรู้และผลิตสินค้าที่ตรงตามความต้องการของตลาด ก่อนส่งต่อไปยังโรงคัดบรรจุ (ล้งผลไม้) ที่ผ่านมาตรฐานส่งออกผลไม้ไปประเทศจีน โดย NTF มีนโยบายทำสัญญาแบบ Exclusive อย่างน้อย 1 ปี เพื่อรักษาคุณภาพและความต่อเนื่องของสินค้า รวมไปถึงการขนส่งตามวันเวลาที่กำหนดเพื่อคงคุณภาพของสินค้าที่ดีที่สุดจนถึงมือผู้บริโภค

นอกจากนี้ NTF ยังบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนอย่างรอบคอบ ด้วยการทำสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (Forward Contract) ครอบคลุม 100% ของมูลค่าการส่งออก เพื่อป้องกันความผันผวนของค่าเงิน และรักษาเสถียรภาพของอัตรากำไรเบื้องต้น

จากที่กล่าวมาทั้งหมดสะท้อนให้เห็นได้จากผลการดำเนินงาน NTF ครึ่งปีแรกของปี 2568 มีรายได้จากการขายรวม 1,661 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 189% และมีกำไรสุทธิ 166 ล้านบาท เติบโตถึง 282%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้หลักกว่า 99% มาจากการส่งออกผลไม้ไปยังประเทศจีน และอีก 1% จากตลาดในประเทศ ซึ่งถือเป็นหลักฐานของการขยายตัวเชิงรุกและการบริหารจัดการซัพพลายเชนที่มีประสิทธิภาพของ NTF ได้เป็นอย่างดี

สำหรับปี 2568 NTF ตั้งเป้าหมายจากการขายรวมไว้ที่ประมาณ 2,900 ล้านบาท ปรับขึ้นจากเป้าหมายเดิมที่วางไว้ 1,800 ล้านบาท โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการผลไม้ไทยที่เพิ่มสูงขึ้นในตลาดจีน ที่ยังมีศักยภาพการเติบโตอีกมาก ทั้งในด้านปริมาณการบริโภคและช่องทางการกระจายสินค้า ซึ่ง NTF มีแผนเพิ่มการส่งออกให้มากขึ้น โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในระบบการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการคัดเกรดและบรรจุผลไม้ ลดระยะเวลาในการผลิตลงอย่างน้อย 2 เท่า เพิ่มความแม่นยำในการตรวจสอบคุณภาพสินค้าให้ได้มาตรฐานสากล

โดยช่วงครึ่งแรกของปี 2568 NTF มีสัดส่วนรายได้มาจากการส่งออกไปจีน 99% ส่วนที่เหลืออีก 1% เป็นการจำหน่ายในไทย และทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีสัดส่วนรายได้จากการส่งออกมากที่สุด 96% รองลงมาเป็นมะพร้าว 2% ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีแรก NTF มียอดส่งออกทุเรียนไปจีนประมาณ 8.3 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 67 ที่มีการส่งออกไปจีน 5.1 ล้านตัน

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุน NTF จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับรองรับยอดสั่งซื้อจากลูกค้าทั้งรายปัจจุบันและรายใหม่ๆ เนื่องจากความต้องการผลไม้ทุเรียนจากไทยของประเทศจีนยังคงอยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ NTF จะนำเงินไปลงทุนเพิ่มประสิทธิภาพในเครื่องคัดบรรจุทุเรียนสดที่เป็นสินค้าส่งออกหลัก ขณะที่บางส่วนจะนำไปชำระคืนเงินกู้ยืมกับสถาบันการเงิน

“ปัจจุบัน NTF มีล้ง 5 แห่ง และเครื่องคัดบรรจุทุเรียนสด 1 เครื่อง โดยหลังการ IPO บริษัทมีแผนนำเงินที่ได้ไปขยายจำนวนเครื่องคัดบรรจุเป็น 10 เครื่อง และเพิ่มจำนวนล้งเป็น 10 แห่ง ทั้งนี้ เครื่องคัดบรรจุทุเรียนสด 1 เครื่อง สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ถึง 5 เท่า หากสามารถติดตั้งเครื่องทั้งหมดได้ทันก่อนฤดูกาลเก็บเกี่ยวในปี 2569 คาดว่าจะช่วยหนุนให้ผลประกอบการของบริษัทเติบโตอย่างโดดเด่น” นายวิชัย กล่าว

ส่วนข้อกังวลเรื่องผู้เล่นรายใหม่ที่จะเข้ามาเพิ่มขึ้น NTF มองว่ายังมีข้อจำกัดด้านกฎระเบียบ เช่น การต้องมีใบอนุญาตส่งออกและการขึ้นทะเบียนโรงคัดบรรจุกับกรมวิชาการเกษตร รวมถึงมาตรการควบคุมจากทางการจีน ที่เป็นปัจจัยคัดกรองสำคัญ ทำให้ผู้ประกอบการที่มีระบบบริหารจัดการครบวงจรอย่าง NTF ยังมีความได้เปรียบและสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างมั่นคง

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมุ่งมั่นผลักดันผลไม้ไทยคุณภาพสู่ตลาดโลก พร้อมยกระดับมาตรฐานการส่งออกผลไม้ของไทยให้มีความยั่งยืน โดยNTF จะยังคงพัฒนาเครือข่ายคู่ค้าพันธมิตรและระบบบริหารจัดการ Supply Chain ให้แข็งแกร่ง เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาดส่งออกผลไม้พรีเมียมในภูมิภาค

ด้านนางรัชดา เกลียวปฏินนท์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ 2 บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KGI ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน  กล่าวว่า คาดว่า NTF จะเสนอขายหุ้นไอพีโอภายในเดือนพ.ย. นี้ และเข้าเทรดตลาดหลักทรัพย์ mai ภายในปี 2568

ทั้งนี้ NTF มีทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 200 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยเป็นทุนที่ชำระแล้ว 70 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวนทั้งสิ้น 140.0 ล้านหุ้นและจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 60 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 30% ของจำนวนหุ้นสามัญที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัท NTF ภายหลังการ IPO ในครั้งนี้

“NTF บริหารจัดการโดยผู้บริหารที่มีประสบการณ์ในวงการส่งออกผลไม้มากกว่า 10 ปี สามารถสร้างการเติบโตทางด้านรายได้และกำไรอย่างต่อเนื่อง สะท้อนศักยภาพการขยายตลาดผลไม้ไทยในจีนที่ยังมีช่องว่างการเติบโตสูง ซึ่งเชื่อว่าจากทิศทางการเติบโตที่แข็งแกร่ง จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยส่งเสริมความเชื่อมั่น และได้รับความสนใจจากนักลงทุนได้อย่างดี ทั้งช่วงเวลาที่เสนอขายหลักทรัพย์ และช่วงที่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai” นางรัชดา กล่าว

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon