Source: Bloomberg, TISCO Economic Strategy Unit (TISCO ESU)
- ผลการประชุม Fed: ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีมติอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ (10-2) ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง -25bps สู่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมวันที่ 28-29 ต.ค. ตามที่เราและตลาดคาด ขณะเดียวกัน นาย Stephen Miran เสนอให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง -50bps ส่วนนาย Jeffrey Schmid เสนอให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้เท่าเดิม นอกจากนี้ คณะกรรมการมีมติให้หยุดการลดขนาดงบดุลเริ่มต้นวันที่ 1 ธ.ค. 2025
- โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ระบุผ่านถ้อยแถลงหลังการประชุมว่า เศรษฐกิจขยายตัวได้ในระดับปานกลาง ส่วนการจ้างงานชะลอตัวลงในปีนี้ ขณะที่อัตราการว่างงานปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ยังทรงตัวในระดับต่ำ ขณะเดียวกัน เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงก่อนและยังทรงตัวในระดับค่อนข้างสูง นอกจากนี้ กรรมการนโยบายการเงินยังเน้นย่ำว่าความเสี่ยงด้านต่ำ (Downside Risks) ต่อการจ้างงานปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ซึ่งโทนการสื่อสารโดยรวมไม่ได้แตกต่างจากรอบก่อนมากนัก
- ด้านงบดุล กรรมการมีมติให้หยุดการลดขนาดงบดุลในฝั่งของพันธบัตรรัฐบาลเริ่มต้นวันที่ 1 ธ.ค. 2025 (จากเดิมที่ลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลเดือนละ -5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) นอกจากนี้ กรรมการคงการลดขนาดงบดุลในส่วนของตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อบ้านค้ำประกัน (MBS) ไว้ที่เดือนละ -3.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่จะนำการชำระเงินต้นของ MBS กลับเข้าไปลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นของรัฐบาล (T-bills)
- นาย Jerome Powell ระบุในแถลงการณ์หลังการประชุมว่า กรรมการนโยบายการเงินมีการพูดคุยกันถึงแนวโน้มและการกำหนดทิศทางนโยบายการเงินในระยะข้างหน้า โดยระบุต่อว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมรอบเดือน ธ.ค. ยังไม่ใช่สิ่งที่แน่ชัดและยังห่างไกลกว่าจะได้ข้อสรุป ด้านตลาดแรงงาน นาย Powell ระบุว่า เครื่องชี้ตลาดแรงงานอื่นๆ นอกเหนือจากข้อมูลของภาครัฐ ยังบ่งชี้ภาพการชะลอลง และสำหรับเงินเฟ้อ นาย Powell กล่าวว่า การตั้งกำแพงภาษีศุลกากรส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อราว 0.5-0.6ppt ซึ่งหากขจัดผลของภาษีศุลกากร เงินเฟ้อพื้นฐาน (Core PCE Price) อาจอยู่ที่ราว 2.3-2.4% อย่างไรก็ตาม เงินเฟ้อยังมีแนวโน้มจะเผชิญผลของภาษีศุลกากรเพิ่มเติมในระยะข้างหน้า แต่น่าจะเป็นเพียงปัจจัยชั่วคราว (“One-time Increase”) โดยนาย Powell กล่าวว่าจุดยืนด้านนโยบายการเงินของ Fed ในปัจจุบันยังมีความตึงตัวอยู่บ้าง
- โดยสรุป การสื่อสารของนาย Powell โน้มไปทางเข้มงวดกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งกล่าวชัดเจนว่าการลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไปนั้นไม่ใช่สิ่งที่แน่นอน นอกจากนี้ ประธาน Fed ยังเปรียบเทียบการดำเนินนโยบายการเงินในช่วงที่ข้อมูลเศรษฐกิจหลายอย่างไม่มีการเปิดเผยเนื่องจากรัฐบาลหยุดทำการ (Government Shutdown) ว่าเปรียบเสมือนกับการขับรถลุยหมอก ทำให้จึงต้องชะลอความเร็วลงมา (“If you’re dringing in the fog, you slow down”) ทั้งนี้ นาย Powell ยังพยายามสงวนท่าทีที่เข้มงวดไว้ด้วยเช่นกัน โดยกล่าวว่านโยบายการเงินยังมีความตึงตัวอยู่บ้าง ซึ่งเรามองว่า ในกรณีที่รัฐบาลสามารถกลับมาเผยแพร่ข้อมูลได้ในเดือนหน้า ข้อมูลที่จะเปิดเผยจะมีแนวโน้มสะท้อนภาพที่อ่อนแอ หลังข้าราชการ 6.5 แสนรายถูกพักงาน ซึ่งอาจส่งผลด้านสูงต่ออัตราการว่างงานในเดือน ต.ค. และบดบังภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจที่แท้จริง ขณะเดียวกัน เครื่องชี้เศรษฐกิจที่รายงานออกมาในปัจจุบันยังสะท้อนภาพการชะลอตัวลงของตลาดแรงงาน อาทิ การจ้างงานภาคเอกชน (ADP Employment) ที่ทรงตัวในระดับต่ำ ขณะที่ตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง รวมทั้งรัฐบาลกลางที่ดำเนินมาตรการหยุดการจ้างานใหม่
- เพราะฉะนั้น เราประเมินว่า Fed ยังมีโอกาสมากกว่าที่จะกลับมาเหยียบคันเร่ง และปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงได้ต่อที่อัตรา 25bps ในการประชุมเดือน ธ.ค. ที่จะถึงนี้หากพบว่าข้อมูลเศรษฐกิจมีความอ่อนแอมากขึ้นจริงตามที่เราคาดการณ์ อย่างไรก็ดี เราประเมินว่าความจำเป็นที่จะต้องเร่งเครื่องปรับลดแบบ “Jumbo cut” (-50bps) อย่างที่ตลาดเคยคาดหวังนั้นมีความไม่สมเหตุสมผล และไม่สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจ
Today’s Data Releases
- สหรัฐฯ: ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC), ยอดขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) สิ้นสุดสัปดาห์ ณ วันที่ 25 ต.ค. และ GDP Annualized Q3/2025
- ยูโรโซน: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence) เดือน ต.ค., GDP 3Q/2025 และผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB meeting)
Key economic indicators
Source: Bloomberg, TISCO Economic Strategy Unit (TISCO ESU)
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon
