
มิติหุ้น – Investment Strategy
• สรุปภาพรวมตลาด ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันอังคาร (11 พ.ย.) ขานรับความคืบหน้าในการผลักดันร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเพื่อยุติการปิดหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ หรือชัตดาวน์ แต่ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบ เนื่องจากแรงขายที่ส่งเข้าฉุดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ (AI) ท่ามกลางความวิตกกังวลว่าหุ้นกลุ่มนี้อาจมีมูลค่าสูงเกินไป
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 47,927.96 จุด เพิ่มขึ้น 559.33 จุด หรือ +1.18%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,846.61 จุด เพิ่มขึ้น 14.18 จุด หรือ +0.21% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 23,468.30 จุด ลดลง 58.87 จุด หรือ -0.25%
โดย วุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเพื่อยุติการชัตดาวน์ที่ยืดเยื้อยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ และขณะนี้ได้ส่งเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร โดยหากสภาผู้แทนราษฎรให้การอนุมัติร่างกฎหมายดังกล่าว ก็จะส่งต่อไปยังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมาย
• สรุปภาพรวมสินทรัพย์อื่นๆ สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเล็กน้อยในวันอังคาร (11 พ.ย.) หลังจากดีดตัวขึ้นใกล้แตะระดับ 4,130 ดอลลาร์ในระหว่างวัน อันเนื่องมาจากความหวังที่ว่าการปิดหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ หรือชัตดาวน์ จะยุติลง ซึ่งจะทำให้มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ ก่อนการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในเดือนธ.ค. โดยตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 5.7 ดอลลาร์ หรือ 0.14% ปิดที่ 4,116.30 ดอลลาร์/ออนซ์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 1.1 ดอลลาร์ หรือ 1.72% ปิดที่ 65.16 ดอลลาร์/บาร์เรล
• SET Index: เราคาดการณ์กรอบ SET Index 1,300-1,320 จุด และ น่าจะปรับตัวบวกได้ในวันนี้ ติดตามโค้งสุดท้ายของผลประกอบการณ์ 3Q25 รวมถึงการประชุมนักวิเคราะห์ และ ความคืบหน้าในการผลักดันร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเพื่อยุติการปิดหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ หรือ ชัตดาวน์
หุ้นแนะนำ
SHR:
กำไรต่อหุ้นหลัก (Core EPS) ของ SHR ในไตรมาส 3 ปี 2025 สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยกำไรต่อหุ้น 9 เดือนของปี 2025 อยู่ที่ 118%/125% ของประมาณการกำไรต่อหุ้นที่เรา/Bloomberg คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
กำไรต่อหุ้น (EPS) ในไตรมาส 3 ที่แข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้ เป็นผลมาจากการเติบโตของรายได้ต่อหุ้น (RevPAR) ที่แข็งแกร่งในประเทศไทย อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่แข็งแกร่ง การควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และ ต้นทุนทางการเงินที่ลดลง
(Take profit : 1.67 / Stop loss : 1.58)
SPALI:
กำไรสุทธิไตรมาส 3 ปี 2025 เพิ่มขึ้น 5.7% จากไตรมาสก่อน แต่ลดลง 41.3% จากปีก่อน มาอยู่ที่ 1.17 พันล้านบาทสูงกว่าที่เราคาดการณ์/Bloomberg consensus ที่ 12.6%/10%
เราคาดการณ์ว่ากำไรสุทธิจะฟื้นตัว 15.6% จากปีก่อนในปี 2026 โดยได้รับแรงหนุนจากยอดขายคอนโดที่รอโอน ยอดขายสินค้าคงคลัง และอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น
(Take profit : 16.40 / Stop loss : 15.70)
#CGSInternational
#CGSI
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon

































