S สิงห์ เอสเตท รายงานผลกำไรจากการดำเนินงานรอบ 9 เดือนแรก ปี 2568 โตต่อเนื่อง ยืนยันศักยภาพความมั่นคงจากฐานรายได้ประจำ หนุนกำไรเติบโตตามคาด

14

มิติหุ้น – สิงห์ เอสเตท รายงานผลการดำเนินงานรอบ 9 เดือนแรกของปี 2568 มีรายได้จากกลุ่มธุรกิจหลักจำนวน 10,480 ล้านบาท กำไรสุทธิ 135 ล้านบาท เติบโตขึ้นกว่า 5 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันจากปีก่อน

กรุงเทพฯ (13 พฤศจิกายน 2568) – บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) (SET:S) ผู้พัฒนาและลงทุน
ในอสังหาริมทรัพย์ระดับสากล ครอบคลุมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพักอาศัย ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า
ธุรกิจโรงแรม รวมถึงธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน ประกาศผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ของปี 2568 มีรายได้หลักจากการดำเนินงานรวม 3,615 ล้านบาท ส่งผลให้รายได้ในรอบ 9 เดือนแรกอยู่ที่ 10,480 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์จำนวน 1,882 ล้านบาท และรายได้จากการให้เช่าและการให้บริการจำนวน 8,567 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA Margin) ช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 นี้ ปรับตัวดีขึ้นกว่าช่วงเดียวกันจากปีก่อน จากระดับ 23% สู่ระดับ 25% เป็นผลจากการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้กำไรสุทธิรวมเติบโตขึ้นถึง 405%

นายชัยรัตน์ ศิวะพรพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ‘S’ เปิดเผยว่า “หนึ่งจุดแข็งของสิงห์ เอสเตท คือการมีฐานรายได้ที่แข็งแกร่งจากสัดส่วนหลักที่มาจากรายได้ประจำทั้งจากธุรกิจโรงแรม ธุรกิจอาคารเชิงพาณิชย์ และธุรกิจโรงไฟฟ้า ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการเสริมเสถียรภาพทางการเงินและ สร้างความยั่งยืนในการดำเนินงาน รวมถึงช่วยให้บริษัทสามารถรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่มีความท้าทาย
ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ธุรกิจโรงแรมยังคงมีผลการดำเนินงานที่โดนเด่น สามารถรายงานรายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPAR) ได้สูงขึ้นทุกภูมิภาคเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันจากปีก่อน โดยเฉพาะในประเทศไทย ถึงแม้ว่า
จะเป็นช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวแต่ยังสามารถรายงาน RevPAR เติบโตขึ้นถึง 31% จากไตรมาส 3 ของปี 2567
สู่ระดับ 4,910 บาท โดยแรงขับเคลื่อนหลักยังคงมาจากโรงแรม ทราย ลากูน่า ภูเก็ต ที่ตอกย้ำความสำเร็จของกลยุทธ์ การยกระดับคุณภาพสินทรัพย์ด้วย RevPAR สูงขึ้นกว่า 2 เท่า จากช่วงเวลาเดียวกันจากปีก่อน

ขณะที่กลุ่มธุรกิจอาคารเชิงพาณิชย์ ปัจจุบันยังคงสามารถรักษาระดับอัตราการเช่าเฉลี่ยของสามอาคารหลัก ได้แก่
อาคารสิงห์ คอมเพล็กซ์, ซันทาวเวอร์ส และเอส เมโทร ในระดับ 80% โดยในไตรมาส 3 ที่ผ่านมาได้ทยอยปิดการขาย แก่ผู้เช่าหลัก (Anchor tenants) อย่างต่อเนื่อง คิดเป็นพื้นที่เช่าใหม่ที่สามารถปิดการขายได้กว่า 4,000 ตารางเมตร และมีกำหนดทยอยเข้าใช้พื้นที่ตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปีนี้จนถึงต้นปี 2569 และคาดว่าอาคาร สิงห์ คอมเพล็กซ์ ที่เป็นอาคารสำนักงานแฟล็กชิปของบริษัทจะมีอัตราการเช่ากลับมาที่ระดับ 90% อีกครั้งหนึ่ง สะท้อนถึงความเชื่อมั่น ต่อคุณภาพโครงการตลอดจนทำเลศักยภาพที่สามารถตอบโจทย์ทั้งในแง่ของการทำงานและการใช้ชีวิต

ในส่วนของธุรกิจที่พักอาศัย โครงการ สริน พรานนก-กาญจนา ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4 เป็นต้นไป
ขณะที่โครงการซึ่งวางแผนจะปิดในปี 2568 ได้แก่ โครงการคอนโด ดิ เอส สุขุมวิท 36 คาดว่าจะทำได้ตามเป้าหมาย โดยสร้างรายได้กว่า 350 ล้านบาทในปี 2568

ด้านธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม นอกจากที่ดิน 75 ไร่ที่ปิดการขายกับบริษัท Dali Foods Group ก่อนหน้านี้และโอนกรรมสิทธิ์ในไตรมาสที่ 3 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว บริษัทฯ ได้บรรลุข้อตกลงการขายเพิ่มเติมแก่ บริษัท เพียวสตรอง จำกัด จำนวน 9 ไร่ โดยคาดว่าจะสามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2568”

สำหรับไตรมาสสุดท้ายของปี 2568 บริษัทฯ คาดว่าผลการดำเนินงานยังคงเป็นไปตามแผนการที่วางไว้
โดยสัดส่วนรายได้หลักยังคงขับเคลื่อนมาจากกลุ่มธุรกิจโรงแรม ที่มีแนวโน้มเติบโตและฟื้นตัวจากการเข้าสู่ฤดูกาล
การท่องเที่ยวของโรงแรมในประเทศไทยและมัลดีฟส์ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นในการเสริมสร้างรายได้จาก
ธุรกิจหลักอื่น ควบคู่ไปกับการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการบริหารต้นทุนทางการเงิน
ให้ลดต่ำลง ควบคู่กับการสรรหาแหล่งเงินทุนที่มีความเหมาะสม เพื่อเสริมศักยภาพในการดำเนินธุรกิจและยกระดับความสามารถในการทำกำไรในระยะยาว

ในปี 2568 บริษัทฯ ได้รับคะแนนการประเมินการกำกับดูแลกิจการในระดับ 5 ดาว หรือ “ดีเลิศ” (Excellent CG Scoring) เป็นปีที่ 7 ต่อเนื่องติดต่อกันจากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการบริหารจัดการและดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส ตามหลักการกำกับดูแลกิจการตามหลักบรรษัทภิบาลที่ดี พร้อมคำนึงถึง ผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน

“นอกจากการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการเดินหน้าสร้างพันธมิตรทางธุรกิจ
เพื่อขยายโอกาสทางการลงทุนและต่อยอดความสำเร็จในระยะยาว” นายชัยรัตน์ กล่าวเสริม

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon