Pi Daily หุ้นสหรัฐฯ ถูกขายทำกำไรโดยเฉพาะ Tech (ยกเว้น Alphabet +3%) ประเมินนักลงทุนขายลดความเสี่ยงก่อนที่ NVIDIA จะประกาศผลประกอบการ (พฤหัสเช้าเวลาประเทศไทย) ในประเทศเศรษฐกิจขยายตัวต่ำ หนุนโอกาสลดดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย (เริ่มเห็น Bond Yield ไทยลดลง) ดีกับกลุ่ม Non Bank

10

มิติหุ้น – Pi Daily หุ้นสหรัฐฯ ถูกขายทำกำไรโดยเฉพาะ Tech (ยกเว้น Alphabet +3%) ประเมินนักลงทุนขายลดความเสี่ยงก่อนที่ NVIDIA จะประกาศผลประกอบการ (พฤหัสเช้าเวลาประเทศไทย) ในประเทศเศรษฐกิจขยายตัวต่ำ หนุนโอกาสลดดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย (เริ่มเห็น Bond Yield ไทยลดลง) ดีกับกลุ่ม Non Bank โดยผลประกอบการ 3Q25 ภาพรวมไม่ค่อยเด่น สอดคล้องกับเศรษฐกิจไทย วันนี้เน้นที่ Value Stock (CPN SCB)

ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 557 จุด (-1.2%) ตลาดถูกกดดันจากหุ้นในกลุ่ม Technology โดยนักลงทุนรอติดตามผลประกอบการ NVIDIA และจ้างงานในสัปดาห์นี้ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 0.3% หลังมีรายงานว่าท่าเรือของรัสเซียกลับมาส่งออกน้ำมันอีกครั้ง

เมื่อวานที่ผ่านมาสภาพัฒน์ได้ประกาศการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยประจำช่วง 3Q25 พบว่าขยายตัว 1.2%YoY , -0.6%QoQ การเร่งตัวหลักมาจากส่งออกที่ขยายตัวได้ 11.5%YoY แต่อย่างไรก็ตามเครื่องยนต์เศรษฐกิจไทยอื่นๆ เติบโตในอัตราชะลอตัวลง อาทิ การบริโภค +2.6%YoY เท่ากับไตรมาส 2 การลงทุนรวม +1.1%YoY ลดลงจาก 2Q25 ที่ 5.8%YoY ด้านการลงทุนภาครัฐกลับมาหดตัว (-5.3%YOY) จากไตรมาสก่อนหน้าขยายตัว +10%YoY เมื่อมองไปยังข้างหน้าสภาพัฒน์ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2026 อาจขยายตัวเพียง 1.7%YoY การส่งออกที่ขยายตัวได้ดีในปีนี้ปี 26 อาจทำได้เพียงทรงตัวเทียบกับปี 25 แรงส่งหลักคาดว่าจะเป็นการบริโภค (+2.1%YoY) การลงทุนภาครัฐ (+2.9%YoY) ดีกับหุ้นในกลุ่มค้าปลีกและธนาคารพาณิชย์ สำหรับสหรัฐฯ เมื่อคืนแรงขาย Technology ค่อนข้างเด่นชัด (AMD -2.5% NVIDIA -1.9% แต่ Alphabet +3.1% ได้แรงหนุนจากปัจจัย Berkshire ประกาศลงทุนไปก่อนหน้าแต่ไม่ได้มีปัจจัยอะไรที่กระทบอย่างมีนัยยะสำคัญ นักลงทุนบางส่วนอาจจะขายเพื่อป้องกันความเสี่ยงก่อนที่ NVIDIA จะรายงานผลประกอบการหลังตลาดปิดในวันพุธหรือพฤหัสบดีเช้าตามเวลาประเทศไทย

นอกจากนี้ยังรอติดตามแรงงานสหรัฐฯในคืนวันพฤหัสบดีเวลาประเทศไทยเช่นกัน ภาพรวมตลาดจึงยังไร้ปัจจัยใหม่ๆ ทั้งนี้สำหรับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไทย 3Q25 รายได้รวมอยู่ที่ 3.8 ล้านล้านบาท (-7%YoY) ในส่วนของรายได้ที่มาจากหุ้น Domestic Play อยู่ที่ 1.8 ล้านล้านบาท (-1%YoY) ซึ่งสอดคล้องกับเศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวต่ำและกำไรสุทธิหุ้น Domestic Play อยู่ที่ 1.76 แสนล้านบาท (+6%YoY) กำไรขยายตัวเด่นในกลุ่ม ICT , Finance , Electronic โดยค้าปลีกกำไรลดลง (-2%YoY) ทำให้ผลประกอบการที่ประกาศออกมาถือว่าไม่ค่อยโดดเด่นเท่าใดนักจึงเห็นราคาหุ้นปรับลงภายหลังจากทยอยรายงานผลประกอบการ วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1270 – 1290 อาจจะเผชิญแรงกดดันจากหุ้น Tech อย่าง DELTA แต่ก็เชื่อว่าจะไม่ได้กดดันมากเพราะเม็ดเงินอาจไหลไปยังกลุ่ม Value Stock อย่างพวก ICT , Bank , Health อย่างเมื่อคืน Sector ที่ Outperform ใน US ได้แก่ สื่อสาร , Health , Real Estate ในเชิงกลยุทธ์การลงทุน ระยะสั้นเน้น Value Stock อย่างธนาคาร (SCB KTB) โรงพยาบาล (BDMS) การเงิน (MTC) ค้าปลีก (CPALL) ศูนย์การค้า (CPN) ท่องเที่ยว (MINT CENTEL)

SCB (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 146.00 บาท)
กำไรสุทธิออกมาที่ 12.1 พันล้านบาท (+10% YoY, -6% QoQ) ดีกว่าคาดราว 5% เนื่องจากกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงิน FVTPL สูงกว่าคาด

CPN (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 80.00 บาท)
ปัจจัยบวกจากผลประกอบการงวด 3Q25 ที่กำไรปกติรายไตรมาสทำสถิติสูงสุดใหม่ได้อีกครั้ง หลังจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เริ่มฟื้นตัว ขณะที่ธุรกิจค่าเช่าได้รับผลดีจากการเปิดศูนย์เซ็นทรัล พาร์ค ทำให้รายได้เพิ่มขึ้นได้แม้เป็นฤดูฝน สำหรับแนวโน้มช่วง 4Q24 คาดรายได้เห็นการเติบโตได้ต่อหลังจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีโครงการเตรียมโอนกว่า 2,000 ล้านบาท

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon