
มิติหุ้น – Investment Strategy
• สรุปภาพรวมตลาด ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ (24 พ.ย.) โดยปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากเมื่อวันศุกร์ เนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. ซึ่งมุมมองบวกดังกล่าวได้ช่วยบดบังปัจจัยลบจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับมูลค่าหุ้นที่สูงเกินไปในกลุ่มเทคโนโลยี
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 46,448.27 จุด เพิ่มขึ้น 202.86 จุด หรือ +0.44%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,705.12 จุด เพิ่มขึ้น 102.13 จุด หรือ +1.55% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 22,872.01 จุด เพิ่มขึ้น 598.92 จุด หรือ +2.69%
ส่วน ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันจันทร์ (24 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ฟื้นตัวขึ้น หลังบรรยากาศการซื้อขายดีขึ้นจากความคาดหวังมากขึ้นว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. ขณะเดียวกันนักลงทุนยังจับตาความคืบหน้าของแผนสันติภาพยูเครน
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 562.88 จุด เพิ่มขึ้น 0.78 จุด หรือ +0.14%ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 563.94 จุด เพิ่มขึ้น 2.23 จุด หรือ +0.40%
• สรุปภาพรวมสินทรัพย์อื่นๆ สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ (24 พ.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับแนวโน้มนโยบายการเงินของเฟด
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 14.7 ดอลลาร์ หรือ 0.36% ปิดที่ 4,094.20 ดอลลาร์/ออนซ์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 81 เซนต์ หรือ 1.29% ปิดที่ 63.37 ดอลลาร์/บาร์เรล
• SET Index: เราคาดการณ์กรอบ SET Index 1,250-1,270 จุด โดย ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี ระมัดระวังความผันผวน เนื่องจากเหตุการณ์อุทกภัยในหาดใหญ่อาจจะกระทบกับจิตวิทยาของการท่องเที่ยวไทย
หุ้นแนะนำ
DELTA:
เทรดดิ้งตามการปรับตัวเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯ / เราคาดว่า Delta จะมี EPS เติบโตแข็งแกร่ง qoq ใน 4Q25 อย่างไรก็ดี ในเชิงพื้นฐาน เรายังแนะนำ “ขาย” และ มองเป็นเพียงการเทรดดิ้งเท่านั้น
(Take profit : 205.00 / Stop loss : 197.50)
CHG:
เราคาดว่า CHG จะมีกำไรสุทธิ 251 ล้านบาทในไตรมาส 4/2025 เทียบกับ 91 ล้านบาทในไตรมาส 4/2024 และ 272 ล้านบาทในไตรมาส 3/2025 เราคาดว่ากำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนในปี 2026
เราคาดว่ากำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนในปี 2026 เนื่องจากการประหยัดต้นทุนและฐานที่ต่ำ
(Take profit : 1.54 / Stop loss : 1.47)
#CGSInternational
#CGSI
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon

































