
มิติหุ้น – สถาบันไทยพัฒน์ มูลนิธิบูรณะชนบทแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดผลสำรวจสถานภาพความยั่งยืนของกิจการไทย ในงาน “The State of Corporate Sustainability in 2025” พร้อมนำเสนอเครื่องมือ ReportLM สำหรับเป็นตัวช่วยให้กิจการสามารถรายงานข้อมูลด้านความยั่งยืนที่สอดรับกับมาตรฐาน ISSB
สถาบันไทยพัฒน์ ในฐานะผู้บุกเบิกการพัฒนาฐานข้อมูลความยั่งยืนของธุรกิจ ได้ริเริ่มสำรวจข้อมูลสถานภาพความยั่งยืนของกิจการในประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. 2561 ขณะนั้นมีประชากรในกลุ่มสำรวจจำนวน 100 ราย และได้ทยอยเพิ่มกิจการที่ทำการสำรวจเรื่อยมาเป็นลำดับ จนในปีปัจจุบัน มีกิจการที่ได้ทำการสำรวจ อยู่จำนวน 953 ราย
วัตถุประสงค์ของการสำรวจนี้ เป็นไปเพื่อต้องการประมวลพัฒนาการด้านความยั่งยืนของธุรกิจไทย สะท้อนผ่านผลสำรวจของกลุ่มกิจการที่ดำเนินการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืนทั้งในมุมมองที่สอดคล้องกับมาตรฐานการรายงานสากล (GRI) การคำนึงถึงปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) และการตอบสนองต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG) ในบริบทของกิจการ
นายวรณัฐ เพียรธรรม ผู้อำนวยการ สถาบันไทยพัฒน์ ได้กล่าวในการเปิดผลสำรวจสถานภาพความยั่งยืนของกิจการ ปี 2568 ที่จัดขึ้นวันนี้ (25 พฤศจิกายน 2568) ว่า “ผลการประเมินสถานภาพการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืนของกิจการที่ทำการสำรวจทั้งหมด 953 ราย พบว่า ในปี 2568 มีคะแนนรวมโดยเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 4.43 จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วและปีก่อนหน้าที่มีคะแนนรวมโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 4.31 คะแนน (ปี 2567 จากการสำรวจ 930 ราย) และ 3.53 คะแนน (ปี 2566 จากการสำรวจ 904 ราย)”
นางสาววีรญา ปรียาพันธ์ ผู้อำนวยการ ประชาคมการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืน สถาบันไทยพัฒน์ กล่าวว่า “ประเด็นความยั่งยืนที่มีการเปิดเผยสูงสุดในสามอันดับแรก ได้แก่ การต้านทุจริต 90.66% ความหลากหลายและโอกาสแห่งความเท่าเทียม 90.35% และผลเชิงเศรษฐกิจ 87.09% ส่วนการตอบสนองต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ที่ภาคธุรกิจมีการเปิดเผยสูงสุดในสามอันดับแรก ได้แก่ เป้าหมายที่ 5 ความเท่าเทียมทางเพศ เป้าหมายที่ 8 งานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ และเป้าหมายที่ 9 อุตสาหกรรม นวัตกรรม และโครงสร้างพื้นฐาน ตามลำดับ”
นายฌานสิทธิ์ ยอดพฤติการณ์ นักวิจัยอาวุโส สถาบันไทยพัฒน์ กล่าวเสริมว่า “ผลสำรวจเรื่องการประเมินสาระสำคัญ (Materiality Assessment) เพื่อระบุประเด็นความยั่งยืนสำหรับการดำเนินงานและการรายงานของกิจการ พบข้อมูลที่น่าสนใจว่า 59% ของกิจการที่ถูกสำรวจ ยังไม่มีการประเมินสาระสำคัญ ส่วนกิจการที่มีการประเมินสาระสำคัญมีจำนวน 34% และมีเพียง 7% ที่มีการประเมินสาระสำคัญสองนัย (Double Materiality Assessment) โดยในจำนวน 7% นี้ กลับพบว่า มีกิจการถึง 3 ใน 5 แห่ง ที่ยังมีการประเมินสาระสำคัญสองนัย ไม่สอดคล้องตามหลักการที่ควรจะเป็น ซึ่งเป็นโจทย์ที่ท้าทายในการให้ความรู้และสร้างความเข้าใจแก่องค์กรผู้จัดทำรายงานให้สามารถประเมินได้อย่างถูกต้อง”
นอกจากการเปิดเผยข้อมูลผลสำรวจประจำปีนี้ สถาบันไทยพัฒน์ ยังได้จัดให้มีการเสวนาแนะนำ ReportLM เครื่องมือ AI (Artificial Intelligence) สำหรับเป็นตัวช่วยให้กิจการสามารถรายงานข้อมูลด้านความยั่งยืนที่สอดรับกับมาตรฐาน ISSB (International Sustainability Standards Board) ด้วย
ในงานครั้งนี้ สถาบันไทยพัฒน์ ยังจัดพิธีมอบรางวัล Sustainability Disclosure Award ประจำปี 2568 ให้แก่องค์กรสมาชิกประชาคมการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืน[1] (Sustainability Disclosure Community: SDC) ที่ได้เปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนอันประโยชน์ต่อกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียของกิจการ โดยรางวัลที่มอบให้กับองค์กรในปีนี้ ประกอบด้วย Sustainability Disclosure Award จำนวน 64 รางวัล Sustainability Disclosure Recognition จำนวน 67 รางวัล และ Sustainability Disclosure Acknowledgement จำนวน 32 รางวัล รวมทั้งสิ้น 163 รางวัล
องค์กรที่สนใจข้อมูลผลสำรวจสถานภาพความยั่งยืนของกิจการ ปี 2568 สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของสถาบันไทยพัฒน์ (https://thaipat.org) ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
[1] ประชาคมการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืน (Sustainability Disclosure Community: SDC) จัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2562 โดยสถาบันไทยพัฒน์ เพื่อช่วยองค์กรยกระดับการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนที่ประโยชน์ต่อกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียของกิจการ รวมทั้งการตอบสนองต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) เป้าหมายที่ 12.6 ร่วมกัน โดยปัจจุบัน SDC มีองค์กรสมาชิกจำนวน 185 ราย
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon




























