ตลอดปี 68 พบว่า วอลุ่มซื้อขายรายเดือน ของเดือนก.พ. 68 มียอดซื้อขายเฉลี่ยต่อวันสูงที่สุดคือ 5.1 หมื่นลบ. หลังจากนั้นชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง และข้อมูลล่าสุดคือเดือนต.ค. 68 เฉลี่ยต่อวันลดลงมาอยู่ที่ระดับ 3.8 หมื่นลบ.
เมื่อวอลุ่มซื้อขายหุ้น ซึ่งเป็นอู่ข้าวอู่น้ำหลักของอุตสาหกรรมหลักทรัพย์ หดตัวย่อมกระทบต่อโบรกเกอร์ ผู้ทำหน้าที่นายหน้าซื้อขาย และไม่แปลกจะเห็นข่าวโบรกเกอร์ หั่นคนออกแบบไม่เหลือเยื่อใย และแว่วว่าจะมีตามมาอีกเป็นระลอก
“แหล่งข่าววงการอุตสาหกรรมโบรกเกอร์” กล่าวว่า นอกจากภาวะตลาดหุ้นไม่ดี ยังมีสินทรัพย์ประเภทอื่นเข้ามาแย่งซีน ทั้งบิทคอยน์ ทองคำ สร้างผลตอบแทนหรูหรา ทำให้ดึงนักลงทุนออกห่างจากตลาดหุ้น ไม่เพียงเท่านั้นโบรกเกอร์ได้ทรานฟอร์ม ดึงไอทีเข้ามาช่วยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ทำให้บุคลากรในอุตสาหกรรมหลักทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ Front และ Back office ต้องเร่งปรับตัว
“ทุกวันนี้นักลงทุนต่างเทรดผ่านอินเตอร์เน็ต เทรดดิ้ง จนมีสัดส่วน สูงถึง 86% ของการซื้อขายทั้งหมด แทบจะใกล้กับตลาดหุ้นที่พัฒนาแล้วอย่างเช่นเกาหลี ซึ่งเกินระดับ 90% และคาดว่าในส่วนของตลาดหุ้นไทย สัดส่วนดังกล่าวในอนาคตจะแตะระดับ 95% เพราะนักลงทุนต่างใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการเทรดมากขึ้น”
ASP ผู้มาก่อนกาล
แม้ว่าจะมี โบรกเกอร์หลายแห่ง ไม่สามารถต้านแรงเสียดทานจากภาวะตลาดหุ้นซึมได้ แต่ก็มีอีกหลายโบรกฯ สามารถยืนหนึ่งสร้างผลกำไรได้ และหนึ่งในนั้นคือ บล.เอเซีย พลัส คงต้องฟังเสียงจาก “ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ” ในฐานะประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASP ซึ่งได้เล่าให้ฟังถึงเหตุผลที่ ASP ยังสามารถสร้างผลกำไรภายใต้แรงกดดันจากสภาวะตลาดหุ้นหดตัว นั่นเป็นเพราะว่าASP ได้ปรับตัวมาโดยตลอดเป็นระยะเวลานาน กระจายความเสี่ยงในการทำธุรกิจให้หลากหลาย
“ASP ให้บริการธุรกิจ Wealth มา 18 ปีแล้ว ดำเนินธุรกิจบลจ. รวมถึงการพาลูกค้านักลงทุนของเราไปลงทุนตรงในตลาดหุ้นต่างประเทศ ซึ่งในส่วนนี้ได้ทำมา 12-13 ปีแล้ว หรือแม้แต่ตัวบริษัทเอง ก็ได้ไปลงทุนตรงในตลาดหุ้นต่างประเทศทั่วโลก ลงทุนในสตาร์ทอัพ ในส่วนของการให้บริการลูกค้า ได้ยึดใจความสำคัญคือ ต้องสร้างผลตอบแทน ผลประโยชน์ให้กับลูกค้า ถ้าลูกค้าอยู่ได้ เราก็อยู่ได้” ดร.ก้องเกียรติกล่าว
ปัจจุบัน ASP มีพนักงานที่เป็นทั้ง IC และให้บริการ Wealth ประมาณ 250 คน พนักงานต้องรู้เรื่อง Cross Selling และได้จัดอบรมให้ความรู้พนักงานโดยตลอด เพื่อให้สามารถให้คำแนะนำลูกค้าได้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าประมาณ 50,000 ราย ยอดแอคทีฟ กว่า 10,000 ราย
สอนมวยก.ล.ต.
“ดร.ก้องเกียรติ” ยังกล่าวถึงสาเหตุที่ตลาดหุ้นหดตัว เป็นผลจากหน่วยงานกำกับตลาดทุนไม่มีมาตรการที่จะเรียกความเชื่อมั่นของตลาดหุ้นให้กลับคืนมา จนปัจจุบันสัดส่วนซื้อขายรายย่อยหดตัวลงเหลือ 30% จากอดีตเคยสูงถึง 60-70% และพบว่านักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศลดลงตลอด แต่นักลงทุนประเภทAI หรือกลุ่มโรบอท สัดส่วนเพิ่มขึ้นมาที่ 40% ซึ่งกลุ่มนี้จ่ายค่าฟีในการซื้อขายในระดับต่ำมาก แต่กลับมีพฤติกรรมการลงทุนที่ทำร้ายตลาดทุน หากปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไป จะยิ่งทำให้ตลาดหุ้นไทยหดลงเรื่อย ๆ และจะเห็นภาพโบรกเกอร์ ลดพนักงาน ลดบทResearch เพื่อลดต้นทุน
“ผมคิดว่าสถานการณ์ขณะนี้ก.ล.ต. ต้องมีบทบาทในการเข้ามาดูแลตลาดทุน ต้องศึกษาถึงต้นทุนที่แท้จริงของธุรกิจหลักทรัพย์ ว่าระดับใดเป็นระดับคุ้มทุน หลังจากนั้นต้องกำหนดออกมาเลยว่าห้ามไม่ให้คิดค่าฟีต่ำกว่าระดับต้นทุน เป็นการปกป้องอุตสาหกรรมไม่ให้เกิดการให้บริการที่ต่ำกว่าต้นทุน นอกจากนี้ผมยังมองว่า ก.ล.ต.ให้ใบอนุญาตเกี่ยวกับธุรกิจหลักทรัพย์มากเกินไป ออกมาเรื่อยๆ แต่คนที่อยู่ในอุตสาหกรรมขณะนี้แทบจะตายกันอยู่แล้ว เป็นหน้าที่ของก.ล.ต.ที่จะต้องดูแลอุตสาหกรรมหลักทรัพย์” ประธานกรรมการบริหาร ASP กล่าวทิ้งท้าย
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon
